You are not logged in.
http://thaienews.blogspot.com/2016/03/blog-post_39.html + *
วันเสาร์, มีนาคม 12, 2559
โดย ใบตองแห้ง
ข่าวสดออนไลน์
11 มีนาคม พ.ศ. 2559
ผู้มีอิทธิพลชื่อทักษิณเขย่าแผ่นดินไทยอีกแล้ว ทั้งที่ไปพูดสถาบันโนเนม ยังเป็นข่าวไปทั่วโลก โชคดีที่มีภาพคนไทยรักชาติตะโกนด่ากราดกลางมหานครนิวยอร์ก ช่วยถ่วงน้ำหนักไม่ให้ฝรั่งเชื่อทักกี้ข้างเดียว โถ ถูกไล่ออกนอกประเทศสิบปี ป่านนี้ยังไม่มีใครเชิญไปเป็นผู้นำ สู้ลุงตู่ก็ไม่ได้ มีชาติตะวันตกจองตัว
สปีชทักษิณไม่มีอะไรใหม่หรอก แค่แทงใจกลางร่างรัฐธรรมนูญว่าทำประเทศถอยหลัง ยากจะได้รัฐบาลที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนและความท้าทายในศตวรรษที่ 21 เพราะมีวุฒิสภาแต่งตั้ง และศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจมากจนล่วงล้ำ หลักแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย
ไม่มีอะไรใหม่จริงๆ เพราะเป็นสิ่งที่นักประชาธิปไตยทักท้วงมาตลอด แต่พอทักษิณหยิบไปพูด ใครที่เรียกร้องประชาธิปไตยก็กลายเป็น "รับเงินทักษิณ" แบบเดิมๆ
งั้นพูดใหม่ไหม เอาใจคนดีนกหวีดหน่อย ว่าทักษิณพูดถูกครึ่งเดียว เพราะทักษิณนั่นแหละทำให้เกิดวิกฤต (ไชโย ปรบมือ ปี๊ดๆ) เพียงแต่การปราบทักษิณโดยอำนาจไม่ชอบธรรม ความยุติธรรม 2 มาตรฐาน ยิ่งทำให้วิกฤตบานปลายใหญ่โต (อ้าว รับเงินทักษิณตามเคย)
ชัยชนะถล่มทลายด้วยนโยบาย "ประชาธิปไตยกินได้" ของพรรคไทยรักไทย ประกอบกับช่องโหว่ในรัฐธรรมนูญ 2540 ทำให้เกิดอำนาจบริหารที่เข้มแข็ง รัฐบาลมีอำนาจมาก จนเหลิงอำนาจ และถูกขับไล่ แต่รัฐประหาร 2549 รัฐธรรมนูญ 2550 แทนที่จะคิดกลไกเพิ่มอำนาจประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล กลับไปให้อำนาจตุลาการ องค์กรอิสระ วุฒิสภาสรรหากึ่งหนึ่ง มาเตะถ่วงรัฐบาล
พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค เคยอ้างบทความฝรั่ง รัฐบาลจากเสียงข้างมากละเมิดสิทธิเสรีภาพอำนาจนิยม ท่านอ้างถูกแล้ว (แค่ช้าไป 20 ปี) แต่วิธีแก้ของประเทศนี้ยิ่งผิดกว่า คือเอาเสียงข้างน้อยขึ้นมาขี่เสียงข้างมาก พึ่งอำนาจที่ไม่ยึดโยงประชาชน จนวิกฤตลุกลาม นำมาสู่การละเมิดสิทธิเสรีภาพยิ่งกว่า
ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เลือกตั้ง ต้องมีการแบ่งแยกอำนาจ โดยอำนาจตุลาการ ศาล องค์กรอิสระ มีไว้ตรวจสอบถ่วงดุล แต่อำนาจนั้นต้องจำกัด ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ใช่มีอำนาจตัดสินการเมืองเรื่องนโยบาย จนอำนาจบริหารไม่สามารถ "ตอบสนองความต้องการของประชาชนและความท้าทายในศตวรรษที่ 21"
"ทำไมไม่ทำถนนลูกรังก่อน" เป็นคำพูดฮิตติดปาก เพราะประชาชนตระหนักว่าควรให้รัฐบาลตัดสินใจ ขณะที่ศาลต้องวินิจฉัยว่ากฎหมายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
นี่ไม่ใช่ตัวอย่างเดียว รัฐบาลเดียว แต่เรามีคดีให้โต้แย้งกันมากมาย ว่าอะไรคือกรอบอำนาจตุลาการ อะไรคืออำนาจบริหารนิติบัญญัติ เช่น คดีแถลงการณ์ร่วมปราสาทพระวิหาร คดีมาบตาพุด คดี 3G คดีระบบบริหารจัดการน้ำ อำนาจตีความมาตรา 68 อำนาจขัดขวางรัฐสภาจากเลือกตั้งไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ถามคำเดียวครับ ถ้ารัฐบาลลุงตู่ไม่มี ม.44 จะสร้างผลงานได้อย่างนี้ไหม อยากย้ายข้าราชการก็ย้ายไม่ได้ เผลอๆ โดนฟ้องศาลปกครองตายน้ำตื้นแบบ "อีปู" แก้กฎหมายบายพาส EIA ต่อให้ผ่านสภา 3 วาระ สมาคมโลกร้อนก็จะร้องศาลรัฐธรรมนูญ ชักเย่อกันอีกนาน
อ.คณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ยังบอกเลยว่าต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่สยายปีกอำนาจ
วิกฤตบานปลาย 10 ปี เพราะ "เผาบ้านไล่ทักษิณ" ไม่ได้ปราบทักษิณคนเดียว แต่เห็นประชาชนที่นิยมพรรคไทยรักไทยเป็นศัตรู ผลักหลักการประชาธิปไตยไปให้ทักษิณ ทั้งที่ทักษิณผิดซ้ำซาก สั่งพรรคเพื่อไทย "นิรโทษสุดซอย" ลักหลับตอนตีสี่ แต่หลังยิ่งลักษณ์ยุบสภา กลับถูกขัดขวางเลือกตั้ง กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งขัดรัฐธรรมนูญ เพราะมีฝูงชนทำผิดกฎหมายขัดขวางจนไม่สามารถเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร แล้ววันนี้ก็จะมาเรียกค่าเสียหาย
2 ปีผ่านไป ยิ่งลักษณ์สวยขึ้นทุกวัน กระทั่งทหารยังหลงใหลถ่ายภาพ ทักษิณก็กลับมาพูดข้ามโลก ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญยังหาทางออกไม่ได้ ยังจะเพิ่มอำนาจศาลตัดสินจริยธรรมนักการเมือง ยังพยายามควานหาอำนาจแก้วิกฤต ยังคิดจะให้วุฒิสภา 200 คนมาจากสรรหา แถมบางคนจะให้มีอำนาจเลือกนายกฯ ถอยหลังกันเข้าไป
แต่ไม่เป็นไร สิบปีผ่านไป ชื่อ "ทักษิณ" ยังหากินได้ ยังเป็นอาการป่วยชนิดหนึ่ง ซึ่งหลายคนได้ยินแล้ว ไม่ว่ากำลังทำอะไร จะหยุดกึกทันที หน้ามืด ตัวสั่น ความรักชาติบ้านเมืองกำเริบ จนสูญเสียสติสัมปชัญญะ เหลือแต่ศีลธรรมจรรยา สามารถเอาเก้าอี้ฟาดใครก็ได้ที่ขวางหน้า อย่าว่าแต่รับร่างรัฐธรรมนูญ "ปราบโกง" โดยไม่ต้องสนใจประชาธิปไตย
.............
* เผด็จการเนียนประชาธิปไตย ผลักหลักการประชาธิปไตยไปให้ทักษิณ ทั้งที่ทักษิณผิดซ้ำซาก นี่คือตัวอย่างง่ายๆ แทนที่จะเอาคนผิดไปรับโทษในกรณีฟ้องต่อศาล ICC ในเมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์รู้อยู่แก่ใจว่าจะไม่สามารถหาความยุติธรรมในไทยได้ทั้งที่คนไทยถูกฆาตรกรรมหมู่ ในปี 2553 และกรณีที่ ทักษิณได้มีการเจรจาลับๆกับนายทหารที่เรื่องถูกเปิดเผยในเวลาต่อมาถึงดีลที่ไม่เอาผิดทหารที่ฆ่าประชาชนในการชุมนุมก่อน จะมี พรบ นิรโทษกรรม สุดซอย
555 barbarians on ICC conversation
6 ก.ค. 2556 คลิปเสียง "ทักษิณ-แก๊งนายพลถั่งเช่า"
"โอ๊ค พานทองแท้" รับเป็นคลิปเสียงทักษิณจริง
http://news.sanook.com/1196501/
* ดิฉันจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ..... "ประชาธิปไตยกินได้" ....ตอนนี้ก็ปลูกผักเพื่อสู้ไงคะ??!!!! ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พูดแต่พฤติกรรมมันย้อนแยง นะ ฮัพ
สวนผักที่บ้านกินได้เเล้วนะคะ.. .
http://www.matichon.co.th/news_detail.p … 1448941788
Last edited by linc49 (March 12, 2016 12:53 PM)
Offline
* ความอัปลักษณ์นี้ ในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง มีมาแต่สมัยรัฐบาล ทักษิณ 2547
http://thaienews.blogspot.com/2016/03/changeorg.html
วันเสาร์, มีนาคม 26, 2559
รณรงค์ต่อเนื่อง รื้อคดีการสูญหายของทนาย สมชาย นีละไพจิตร ทาง change.org
ขณะนี้ผ่านมาสองสัปดาห์ได้กว่า ๘ พันรายชื่อแล้ว ยังต้องการอีก ๑,๕๐๐ กว่ารายชื่อจึงจะครบหมื่น
ความสำคัญของการรณรงค์ไม่เพียง ให้มีการรื้อคดีทำการสอบสวนใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมากระบวนการพิจารณาและตัดสินไม่สามารถชี้ชัดสมบูรณ์ดังคำพิพากษา และต้องตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนอันเป็นสากล อาทิ
ในศาลชั้นต้น แม้นปรากฏแน่ชัดว่ามีการยื้อแย่งชิงทรัพย์และประทุษร้ายทนายสมชาย ซึ่งเป็นผู้ว่าความแก่ผู้ต้องหาคดีปล้นอาวุธเมื่อปี ๒๕๔๗ โดยเขาร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า จำเลยหนึ่งในห้าคือ พ.ต.ต.เงิน ทองสุก ทำร้ายร่า%ޝl7กายผู้ต้องหาเพื่อบังคับให้กลับคำให้การ
พ.ต.ต.เงิน นี้เป็นผู้ต้องหาคนเดียวที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่ก็ได้หายตัวไป ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้เป็นผู้สาบสูญ แล้วตัดสินคดีกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง ๕ คน แต่ก็ออกหมายจับ พ.ต.ต.เงินในข้อหาไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัดเท่านั้น
ศาลฎีกายังไม่ยอมให้นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา และน.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร บุตรีของทนายสมชายเข้าร่วมเป็นโจทก์ โดยอ้างว่าพฤติการณ์ในคดีไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทนายสมชายถูกทำร้าย ได้รับบาดเจ็บ หรือแม้แต่เสียชีวิต
(แม้นว่าทนายสมชายถูกอุ้มหายไปแล้ว ๑๒ ปี และในการตัดสินของศาลชั้นต้นแน่ชัดว่ามีการชิงทรัพย์เป็นมูลค่ากว่า ๙ แสนบาท อีกทั้งทางการได้ยืดรถยนต์ของทนายสมชายทีหายไปคืนมาจากผู้ต้องหาทั้งห้าด้วย)
อีกทั้งศาลฎีกาไม่ยอมรับหลักฐานของฝ่ายโจทก์ที่นำเสนอเอกสารบันทึกข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของจำเลยทั้งห้า ที่สนทนาติดต่อระหว่างกันถึง ๗๕ ครั้งก่อนมีการยื้อยุดตัวทนายสมชายบนถนนรามคำแหงแล้วหายตัวไป
อันแสดงว่าจำเลยเฝ้าติดตามและสะกดรอยทนายสมชายอยู่ แต่ศาลฎีกาก็แย้งว่าเอกสารไม่มีการลงนามรับรอง ถือว่าไม่สมบูรณ์ ไม่อาจนำมาพิสูจน์ความผิดจำเลยได้
ท้ายที่สุดศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้า ได้แก่ “พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อดีต สว.กอ.รมน.ช่วยราชการ บก.ป. (หายสาบสูญ) 2. พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงษ์ อดีต พงส.กก.4 บก.ป. 3. จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน แผนก 4 กก.2 บก.ทท. 4. ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อดีตเจ้าหน้าที่ธุรการ กก.4 บก.ป. และ 5. พ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อดีตรอง ผกก.3 บก.ป. ปัจจุบันชื่อ พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เป็น ผกก.ฝอ.สพ.”
(http://www.thairath.co.th/content/556096)
ทั้งนี้ศาลฎีกาอ้างเหตุในการตัดสินเป็นประโยชน์แก่จำเลยว่า ถึงแม้จะเป็นประจักษ์พยานจากผู้เห็นเหตุการณ์ ๕ คนว่ามีการกลุ้มรุมทำร้ายและชิงทรัพย์ทนายสมชายก่อนตัวเขาจะสูญหายไป
“แต่คำให้การชั้นสอบสวนหลายประเด็นยังมีข้อพิรุธขัดแย้งกับความเป็นจริง พยานบางปากให้การสับสน...
ช่วงเวลาเกิดเหตุมองเห็นไม่ถึงนาที และมีปัญหาแสงไฟทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนเพียงพอ อีกทั้งคำเบิกความของพยานในชั้นศาลไม่ได้ยืนยันชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นคนร้าย”
เช่นนี้ทำให้ครอบครัวของทนายสมชายผู้สูญหาย และองค์กรนิรโทษกรรมสากล ต้องทำการรณรงค์ผ่าน เว็บไซต์ change.org
“เรียกร้องต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ศ.(พิเศษ) พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อขอให้มีการรื้อคดีทนายสมชาย อย่างโปร่งใสและอิสระ”
(http://prachatai.org/journal/2016/03/64579…)
ยิ่งกว่านั้นการรณรงค์ยังรวมถึงการปรับปรุงระบบยุติธรรมของไทย ในส่วนที่เกี่ยวกับกรณีบุคคลสูญหายให้สอดคล้องต้องตามหลักการและแนวทางปฏิบัติของสากลในเรื่องสิทธิมนุษยชน ได้แก่
• “ผ่าน ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... โดยที่เนื้อหาต้องสอดคล้องกับ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้การทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย (อุ้มหาย) เป็นความผิดทางอาญาอย่างชัดเจนตามนิยามในอนุสัญญาฉบับดังกล่าวด้วย
• ให้สัตยาบันต่อ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ และบังคับใช้กฎหมายในประเทศให้สอดคล้องกับข้อบทของอนุสัญญาดังกล่าว
• ระบุที่อยู่และชะตากรรมของผู้ที่คาดว่าถูกอุ้มหาย ตลอดจนนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
• รับประกันว่าผู้เสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนและครอบครัวจะได้รับการเยียวยาอย่างเต็มที่”
(https://www.change.org/p/รื้อคดี-ทนายสมชาย-อย่างโปร่งใสและอ…?)
Offline
* ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ออกมาเพรียกหาประชาชนอีกแล้ว เมื่อถึงคราว ต้องการ...เหยื่อ
...ลักษณะเนื้อหาสื่อ เป็นแนวท่องเที่ยวเพื่อลดแรงกดดัน แต่นี่คือการทำโพลหยั่งเสียง นั่นเอง
http://thaienews.blogspot.com/2016/04/5-5.html
วันพุธ, เมษายน 06, 2559
ยิ่งลักษณ์ชวนฉลอง "5 ล้านไลค์ กับ 5 เหตุผลที่ยิ่งลักษณ์ต้องมาจังหวัดฉัน"
ร่วมฉลองกิจกรรมพิเศษต่อเนื่อง "5 ล้านไลค์ กับ 5 เหตุผลที่ยิ่งลักษณ์ต้องมาจังหวัดฉัน" ด้วยการเขียน comment มาใต้ภาพนี้อธิบายเหตุผลที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรมาเยี่ยมจังหวัดบ้านเกิดของตัวท่าน โดยมีกติกาง่ายๆดังนี้
1. เขียนอธิบาย “5 เหตุผล ที่นายกฯยิ่งลักษณ์ต้องมาจังหวัดฉัน" นำเสนอเหตุผลที่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรมาบ้านตัวเอง ลงในคอมเม้นท์ใต้ภาพนี้ หรือส่งไปรษณีย์มาที่ตู้ ปณ. 28 ปณศ. จรเข้บัว กรุงเทพฯ 10230 ประเทศไทย ก่อนวันที่ 25 เม.ย. 59 เวลา 12.00 น.
2. ตัวอย่างเหตุผลที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ควรมาบ้านตัวเอง เช่น สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ Unseen ในจังหวัดหรืออำเภอ, ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจในท้องถิ่น, ความสามารถพิเศษส่วนบุค%BKล การทำอาหาร การแสดง การละเล่น เรื่องราวความเป็นมาของชุมชนที่ควรค่าแก่การจดจำ ที่อยากนำเสนอต่ออดีตนายกฯ, ประเด็นน่าสนใจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุมชนรอบตัว)
3. ศ. 29 เม.ย. 59 เวลา 12.00 น. คัดเลือกพร้อมประกาศรายชื่อจังหวัด 10 ราย พร้อมเหตุผลรายละ 5 ข้อ โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือก 10 จังหวัดจะได้รับรางวัลเป็นเสื้อเชิ๊ตรายละ 1 รางวัล
4. ส. 30 เม.ย. – อา 8 พ.ค. 59 แฟนเพจร่วมโหวตด้วยการกดไลค์ใต้ภาพจังหวัดและเหตุผลที่ชอบที่สุด
5. จ. 9 พ.ค. 59 เวลา 12.00 น. ประกาศรายชื่อจังหวัดที่รับการกดไลค์สูงสุด 3 จังหวัดแรก หมายเหตุ – ขอสงวนสิทธ์ในการแจ้งรายละเอียดรางวัลและช่วงเวลาเดินทางไปยังจังหวัดของท่านผู้โชคดีจาก 3 จังหวัดในภายหลังนะคะ #YLFB5MillionLikes
ที่มา เฟซบุ๊ค Yingluck Shinawatra
..........
* ทักษิณ สงสัยความจำสั้นมากๆ... @นายศรัณย์ ฉุยฉาย (อั้ม เนโกะ) กล่าวไว้ ก็ พรรค พท. ด่าฝ่ายตรงข้ามมือเปื้อนเลือด แต่ตนเองก็ทำมาหาแดก...บนกองเลือดของประชาชนอย่างด้านชา เลิกหน้าด้านที่จะบอกว่าพรรคตน สู้เพื่อประชาชน ประชาธิปไตยเถอะค่ะ ตอแหล
http://prachatai.org/journal/2016/04/65 … um=twitter
ทักษิณสไกป์เข้า พท. บอกประชาธิปไตยคือการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน
Thu, 2016-04-07 22:12
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=q3rz5t9Xap8[/embed]
7 เม.ย.2559 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมรดน้ำสงกรานต์ สืบสานประเพณีไทย โดยมี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้สไกป์ ร่วมอวยพรด้วย โดยระบุว่า ขอขมาลาโทษกับทุกคนที่ตนเคยล่วงละเมิด และขอให้เริ่มวันใหม่ด้วยความสามัคคี
ทักษิณ ยังยกงานวิจัยฉบับหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ใช้เวลา 75 ปี โดยระบุว่า วิจัยเกี่ยวกับความฝันของคนส่วนใหญ่ที่อยากรวย และอยากมีชื่อเสียง ซึ่งผ่านมา 75 ปี บางคนก็ยังจนอยู่ หรือธรรมดา มีอยู่คนหนึ่งเป็นประธานาธิบดี อีกหลายคนก็เป็นเศรษฐี แล้วตามถามไปให้รู้ว่าตกลงความสุขมันอยู่ตรงไหนอย่างไร ปรากฏว่าผลวิจับ 75 ปีนี้ สรุปได้ว่าความสุขนั้นคือความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างคนที่อยู่รอบตัวเรา เริ่มต้นตั้งแต่ครอบครัว เพื่อนพ้อง สมาคมเดียวกัน องค์กรเดียวกัน บวกกับชีวิตมันไม่ยาวนาน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยสรุปว่าลำพังอยู่ด้วยกันด้วยความรักความเข้าใจ ชีวิตยังไม่ยาวพอ แต่ถ้าอยู่กันด้วยความอิจฉาริษยา อยู่กันด้วยความโกรธแค้นต่อกัน ชีวิตมันยิ่งสั้นไปใหญ่
"เพราะฉะนั้นเขาก็เลยบอกว่าวิธีที่จะมีความสุขดีที่สุดก็คือสร้างความสัมพันธ์อันดีในหมู่สังคมของเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเดียวกัน พรรคเดียวกัน หรือแม้แต่คนในประเทศเดียวกัน ที่ผมพูดอย่างนี้ก็คืออยากเห็นคนไทยเรา เห็นพวกเราทุกคนมีความสุข อย่าไปคิดว่าอายุมันจะอยู่ได้หลายร้อยปี มันเป็นไปไม่ได้ เพราะสังขารมันใช้ไปก็เสื่อมไป ไม่ตายด้วยอุบัติเหตุก็ตายด้วยธรรมชาติ ต้องตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีถึงจะมีความสุข ไม่ใช่ไปอิจฉากันทะเราะกัน ไม่มีความสุข" ทักษิณ กล่าว
"แน่นอนครับประชาธิปไตยคือการต่อสู้เพื่อให้สิทธิเสรีภาพของประชาชน การต่อสู้เพื่อให้เกิดมีความคิดที่สร้างสรรค์ ความคิดที่หลากหลายนำมาซึ่งความคิดที่สร้างสรรค์ เพราะโลกยุคใหม่เป็นโลกที่ไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความคิดที่แตกต่าง " ทักษิณ กล่าว
"ถ้านักการเมืองที่ไม่รักประชาชน ประชาธิปไตยจะกลายเป็นประชาธิปตาย เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะเข้ามาสู่การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเลือกตั้งอะไรก็แล้วแต่ขอให้เป็นนักที่รักประชาชนเถอะ การเมืองจะจีรังได้เมื่อนักการเมืองนั้นเข้ามาทำเพื่อประชาชนรักประชาชนจริง วันนี้ประชาชนเราอยู่ในความทุกข์ยาก เพราะเศรษฐกิจบ้านเราแย่มาก เศรษฐกิจโลกก็ยังไม่ดีเลย มีอเมริกาที่เดียวที่เริ่มฟื้นตัว" ทักษิณ กล่าว
ทักษิณ ยังกล่าวด้วยว่า ตนเพิ่งกลับจากอเมริกาก็ยังหงอยเหงา การค้าก็ยังเงียบเหงา ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก อินเดียทำท่าโตทางเศรษฐกิจดี แต่ก็ยังรวยกระจุกจนกระจาย จีนก็มีปัญหา
.......
* ย้อนความทรงจำและเรียนรู้บทเรียน กันหน่อยสำหรับคนที่ศรัทธาในประชาธิปไตย ว่าสิ่งที่ ทั้งสองพูดนั้น มันตอแหล หรือไม่ จากพฤติกรรมที่ผ่านมา
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=FOBaNUGtfJk[/embed]
.........
* วาทะกรรมที่ไม่มีความจริงใจต่อประชาชน แต่พยายามกลบเกลื่อนเป้าประสงค์ เพื่อให้ทักษิณกลับมาได้...เท่านั้น
http://thaipublica.org/2015/01/yingluck-3/
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” บนทางของเสือ รอยของทักษิณ เว้นวรรค 5 ปี ปิดตำนานวรรคทอง “แก้ไข ไม่แก้แค้น”
23 มกราคม 2015
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหล่นลงจากหลังเสือ เมื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ ทอดตัวอยู่ในดงนายพลบูรพาพยัคฆ์ และพรรคพวกชนชั้นนำตั้งแต่ 9 ธันวาคม 2556
เขี้ยวจากศัตรูการเมืองขั้วตรงข้าม ขย้ำ “นางสาวยิ่งลักษณ์” จนต้องยุบสภา หาที่ยืนไม่ได้แม้กระทั่งการเป็น “รัฐบาลรักษาการ” ถูกเรียกไปยึดอำนาจ รัฐประหารซ้ำ ในค่ายทหารใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
ข้อหาใหญ่ สะเทือนใจคนการเมือง มีทั้งใช้อำนาจตามอำเภอใจ ผ่านกฎหมาย “นิรโทษกรรม” หวังช่วยเครือข่ายอำนาจเก่าของพี่ชาย “พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร” พี่สาว “นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์” และพรรคพวก แนบท้ายด้วยทำนโยบายประชานิยม จนประเทศชาติเสียหาย โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ด ด้วยตัวเลขขาดทุนมหาศาล สะเทือนตลาดข้าวทั้งระดับตลาดในประเทศและตลาดโลก
เมื่อ “สุเทพ” ขึ้นควบขบวนมวลมหาประชาชน รุกรบด้วยแนวร่วมชนชั้นนำ (elite) หัวขบวนฝ่ายอนุรักษ์นิยม เครือข่ายอำมาตย์ ทหารเก่า-ข้าราชเกษียณ และข้าราชการระดับสูง สลับกันขึ้นเวทีต่อเนื่อง 7 เดือน 21 วัน กร่อนจนอำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“นางสาวยิ่งลักษณ์” ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เปราะอ่อนราวกับปราสาททราย ในฐานะประมุขตึกไทยคู่ฟ้า หัวหน้าฝ่ายบริหาร เพียง 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ก็ล้มครืนไม่เหลือร่องเหลือรอย
“นางสาวยิ่งลักษณ์” นับเป็นนักการเมืองในตระกูล “ชินวัตร” คนที่ 5 ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี หลังจากที่พี่ชาย-พี่สาว-พี่เขยและหลานสาว ทั้ง 4 คน ถูกพายุอำนาจ กวาดตระกูล “ชินวัตร” พ้นจากกระดานการเมืองมาแล้ว ในช่วง 2 ทศวรรษ ทั้ง “พ.ต.ท. ทักษิณ-นายสมชาย-นางเยาวภา-น.ส.ชินณิชา” ก็เคยถูกตัดสิทธิมาแล้ว เพราะเหตุแห่งการถูกยุบพรรคและ “คดีซุกหุ้น”
นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ถูกประกาศตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 หลังจากพี่ชาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เคยได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พี่เขย ที่เคยได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26
ธิดาคนเล็กของตระกูล “ชินวัตร” ใช้เวลาเพียง 45 วัน บวกกับต้นทุนธุรกิจ-การเมือง ของวงศ์ตระกูล ลงสู่สนามการเมือง ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ด้วยการเดินสายดูงานการเมือง ร่วมกับพี่สาว-พี่เขย “เยาวภา-สมชาย”
เธอเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เป็นผู้สมัครตัวจริง หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับน้ำตา และวาทกรรม “แก้ไข ไม่แก้แค้น”
ในฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง กรกฎาคม 2554 ทันทีที่แคมเปญเลือกตั้งถูกระเบิดออก ชื่อของ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี คือชื่อสำคัญที่ 2 ที่พี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรีปรารถนาจะเข้าถึง
“พ.ต.ท. ทักษิณ” ส่งสัญญาณข้ามโลกมาในห้วงเวลานั้นว่า “ใครที่โกรธเกลียดผม หากได้กลับเมืองไทย ผมจะแวะไปหาทุกคน เพื่อถามว่าโกรธเกลียดอะไรผม รวมถึงท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถ้าท่านให้ผมไปคุย ผมคุย วันนี้ถ้าท่านให้ผมโทรศัพท์คุย ก็คุย ผมไม่มีอะไร ผมคนไทย เราเคารพผู้ใหญ่ด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิ เพราะฉะนั้น ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิของท่าน ผมเคารพได้ ไม่มีปัญหา”
ขณะที่ “นางสาวยิ่งลักษณ์” ส่งสัญญาณข้ามรั้วบ้านสี่เสาเทเวศร์ไปว่า “อยากเห็นประเทศก้าวสู่ความสามัคคีปรองดอง ทำให้บ้านเมืองกลับไปสู่หลักนิติธรรม…การปรองดองเป็นโจทย์ที่ประเทศชาติต้องการ”
เธอบอกกับนักข่าวว่า “หากมีโอกาสได้พบกับท่าน (พล.อ. เปรม) ก็จะขอคำแนะนำ คงไม่กล้าที่จะบอกว่าคุย” แต่หลังจากเธอชนะเลือกตั้ง เธอก็มีโอกาสได้มากกว่า “คุย” กับบุคคลที่เธอและพี่ชายปรารถนาจะเข้าถึงและเข้าใจ
เมื่อเธอถูกชูขึ้นมาเป็นคู่ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางข้อครหาว่าเธอเป็นเพียง “หุ่นเชิด” ของพี่ชาย เธอบอกว่า “ดิฉันตัดสินใจเอง ชีวิตเราต้องตัดสินใจเอง”
นโยบายแรกที่ออกจากปากเธอ หลังใส่เสื้อคลุมพรรคเพื่อไทย คือ “ยุคอภิสิทธิ์ มี 3 จี แต่ยุคยิ่งลักษณ์ต้องมี 4 จี”
อดีตนักธุรกิจสาวใหญ่วัย 44 ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ด้วยเวลาเพียง 45 วัน ด้วยทีมกุนซือฝ่ายซ้ายและฝ่ายการตลาด ทั้งองคาพยพของ “ชินวัตร” รุมเป็นตัวช่วยให้บริการเสริมทุกจังหวะก้าว
ภารกิจส่ง “นางสาวยิ่งลักษณ์” ขึ้นทำเนียบ จึงเป็นหน้าที่ของทีมงานยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี ทั้งสุรนันทน์ เวชชาชีวะ, ภูมิธรรม เวชยชัย, จาตุรนต์ ฉายแสง, พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล, วัฒนา เมืองสุข ฯลฯ ส่วนทีมงานหน้าม่านการเมือง ก็มีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, พิชัย นริพทะพันธ์ุ, โอฬาร ไชยประวัติ, สุชาติ ธาดาธำรงเวช และสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
ในพื้นที่ข่าวการเมือง เริ่มมีคีย์เวิร์ดการเมืองจากปากของเธอ ในนาม ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หมายเลข 1 เช่น “เลือกประชาธิปัตย์ ข้าวยากหมากแพง เลือกเพื่อไทย อยู่ดีกินดี” ส่วนนโยบายนิรโทษกรรมในเวลานั้น เธอถูกให้สื่อสารทำนองว่า “ต้องนิรโทษด้วยรัฐธรรมนูญ”
เป้าหมายทางการเมือง บันได 3 ขั้น ที่ “นางสาวยิ่งลักษณ์” จะต้องทำให้สำเร็จหลังชนะเลือกตั้ง คือ บันไดขั้นแรก จัดตั้งรัฐบาล-วางเค้าโครงกฎหมายนิรโทษกรรม ทำให้คนการเมืองบ้านเลขที่ 111 กลับเข้าสู่วงจรอำนาจ และ พ.ต.ท. ทักษิณได้กลับบ้าน
ในช่วงโค้งสุดท้าย 15 วันก่อนการหย่อนบัตรเลือกตั้งนั้น ทีมงานยุทธศาสตร์พรรคปั่นกระแสด้วยการประกาศแผนปรองดองกับทุกขั้วการเมือง ทุกชนชั้น ข่าวลับ-วงในของพรรคระบุว่า “ต้องให้กองทัพ-ข้างบน-ชนชั้นสูง วางใจในฝ่ายทักษิณ” แคมเปญหาเสียงจึงต้องการมัดใจโน้มน้าวชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง และกองทัพ ด้วยการประกาศขอเข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในเวลานั้น แต่ถูกปฏิเสธ
ด้วยยุทธการการเมืองทั้งปวงของพรรคเพื่อไทย และสรรพกำลังของธุรกิจ “ชินวัตร” ส่ง “นางสาวยิ่งลักษณ์” ถึงทำเนียบรัฐบาลหลังชนะการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554
เมื่อปิดหีบลงคะแนน 24 ชั่วโมง รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ 1” ก็ถูกจัดตั้งขึ้นทันที เป็นการชนะการเลือกตั้งของฝ่าย “พ.ต.ท. ทักษิณและพวก” ครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี ผลักพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นฝ่ายแพ้เลือกตั้งเป็นครั้งที่ 6 ด้วยจำนวน 159 ต่อ 265 ที่นั่ง
ไม่ควรลืมว่า ในคราการจัดโผคณะรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2554 มีทั้งเครือข่ายอำมาตย์อำนาจเก่า เข้าสู่ “โผ” แต่ไม่ผ่านการคัดกรองเป็นรัฐมนตรี “ตัวจริง” มีชื่อที่ปรากฏในโผรัฐมนตรีเศรษฐกิจอย่างครึกโครม ทั้งชื่อนายวิชิต สุรพงษ์ชัย จากธนาคารไทยพาณิชย์ ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ซีอีโอบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และชื่อ พิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการ บมจ.ไทยออยล์ รวมทั้ง อิสระ ว่องกุศลกิจ ก็ติดอยู่ในโผแรก
บุคคลสำคัญทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยในเวลานั้น อธิบายหลังเครือข่ายอำมาตย์ไม่ติดทำเนียบชื่อรัฐมนตรีตัวจริง ว่าเพราะมีการถูกระตุกขาจากบรรดาชนชั้นสูง ส่งสัญญาณไม่ให้บุคคลระดับวีไอพีเข้าร่วมวงอำนาจกับฝ่าย “ชินวัตร”
กว่า 2 ปี 9 เดือน ที่ “นางสาวยิ่งลักษณ์” อยู่บนหลังเสือ และเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านตัวจริงในสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายค้านบริการเสริมจากนอกสภา ทั้งองคาพยพของชนชั้นนำ-กองทัพ-ฝ่ายอนุรักษนิยม ที่ร่วมรบเป็นแนวต้าน
สุดท้ายความพลั้งพลาด-ปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้งการดำเนินนโยบาย “จำนำข้าว” ทำให้ชื่อ “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกลบออกจากกระดานอำนาจ 5 ปี ด้วยมติแห่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 190 เสียง ตามสำนวนของ วิชา มหาคุณ มือปราบคอร์รัปชัน 4 รัฐบาล
23 มกราคม 2558 ปิดตำนาน “เทพธิดาดาวแดง แห่งตึกไทยคู่ฟ้า” ที่เวลานี้มิอาจเป็น “ไพ่ตาย” ให้ฝ่าย “ชินวัตร” ใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง อย่างน้อยก็อีกครึ่งทศวรรษ อย่างมากก็ตลอดชีวิต
............
http://www.matichon.co.th/news_detail.p … 1383279256
* เลวอันหาที่สุดมิได้
วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ภายหลังจากที่ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... วาระ 3 ด้วยมติ 310 ต่อ 0 งดออกเสียง 4 เสียง รวมเวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ในวาระ 2 และวาระ 3 ทั้งสิ้น 19 ชั่วโมง ก่อนจะส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไป เมื่อเวลาประมาณ 04.25 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ซึ่งเสียงที่รับหลักการร่างดังกล่าว นั้นล้วนมาจากจำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทย แทบทั้งสิ้น ที่เป็นมติของพรรคในการรับร่างในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ภายหลัง ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่าน วาระ 3 ซึ่งนั้นหมายว่า มาตรา 3 ที่ระบุในกฏหมายดังกล่าว ที่มีข้อความว่า ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง นั้น
ปรากฎกว่า ได้มีการแสดงความเห็นต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์ จากบรรดานักวิชาการ นักเคลื่อนไหว คอลัมนิสต์ รวมถึงบุคคลที่เคยมีบทบาทในการสนับสนุนฝ่ายเสื้อแดง ที่อยากจะให้นำตัวคนกระทำความผิดในการเข่นฆ่าประชาชนมาลงโทษให้ได้ อย่างมาก ซึ่ง มติชนออนไลน์ได้รวบรวมความเห็นตัวอย่าง จากบุคคลที่มีท่าทีต่อเรื่องดังกล่าว ผ่านทางเฟซบุ๊ก มานำเสนอดังนี้
@นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- พรรคเพื่อไทย ร่วมมือฆ่าประชาชน ร่วมมือกดขี่เสรีภาพ
- ประชาชนที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือฆ่า เสรีภาพที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือกดขี่
คือ ประชาชนและเสรีภาพทีสนับสนุนพรรคด้วย (นึกถึงเสื่้อแดง 100 ศพ และคนอย่าง สมยศ พฤกษาเกษมสุข ดา ตอร์ปิโด ฯลฯ)
- พรรคเพื่อไทย ใช้เสียงข้างมาก ละเมิดรัฐธรรมนูญ - แก้กฎหมายเกินหลักการทีสภารับรองในวาระแรก, แล้วรวบรัด ตอนตี 3 ตี 4 ผ่านวาระ 3 กฎหมายทีไม่เคยผ่านการรับรองวาระแรกน้้น ไม่ให้มีการอภิปรายแปรญัตติในสภา
- "พรรคเพื่อไทยหลอกไพร่ไปตายแทน" - อันนี้ ผมไม่ได้เขียนเอง แต่เห็นด้วย โดยเอามาจากคอมเม้นท์ของเพื่อนท่านหนึ่งในกระทู้หนึงข้างล่าง (ผมไม่ได้ให้เครดิตระบุชื่อเธอ เพราะคิดว่าเธอคงไม่อยากกลายเป็นเป้าให้คนด่า)
- พรรคเพื่อไทย โกหก ว่า ต้องเหมาเข่ง จึงจะนิรโทษปล่อยคนคุกได้ ซึงไม่เป็นความจริง สามารถนิรโทษกรรมคนคุกโดยไม่เหมาเข่งแน่นอน (ลองนึกดูว่า ถ้าใช้ร่างวรชัย ทำไมจะลงมติแบบเดียวกับทีทำกับร่างเหมาเข่ง ตอนตี 3 เมื่อคืนไม่ได้? ได้แน่นอน แต่ไม่ทำเอง)
การเหมาเข่งที่พรรคเพื่อไทยทำ ไมใช่เพื่อปล่อยคนคุก แต่เพื่อร่วมมือฆ่าประชาชน กดขี่เสรีภาพ โดยเอาคนคุกเป็นตัวประกันให้มวลชนของตัวเองสนับสนุน และใช้ 100 ศพของคนตัวเอง เพียงเพื่อให้นายใหญ่ของตัวเองกลับ (ทั้งๆทีมีวิธีการอืนให้กลับทีถูกต้องชอบธรรมกว่า)
- "...มือของท่านได้เปื้อนเลือดไปแล้ว..."
ขัดติยา สวัสดิผล กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยร่วมมือแปรญัตตินิรโทษให้ฆาตรกรฆ่าพ่อของเธอและฆ่าประชาชน
- เหตุผลทีพรรคเพื่อไทย ต้องย้อนหลังนิรโทษกรรมกลับไปถึงปี 2547 (อย่างละเมิดรัฐธรรมนูญเรื่องการแปรญัตติ) ก็เพื่อปกปิดอาชญากรรมที่ตัวเอง(* ทักษิณ)มีส่วนรับผิดชอบ (ตากใบ ฯลฯ) ซึงไม่เกียวอะไรเลยกับการที่คนออกมาตายเพื่อเรียกร้องยุบสภาปี 53 ...... พรรคเพื่อไทย ใช้ 100 ศพของคนเหล่านั้น มาปกปิดอาชญกรรมทีตัวเองมีส่วนในการก่อขึ้น (และขณะเดียวกัน ก็ช่วยนิรโทษให้กับคนฆ่า 100 ศพนั้น)
-----
@นายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด)
แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง
- มุ่งมั่นขนาดนั้น ผ่านวาระ 2/3 ตอนตีสี่เนี่ยนะ พท ทำให้ผมอึ้งมาก
- มีเรื่องที่จะต้อง "ไม่ลืม" เพิ่มอีกเรื่องแล้ว #จำไว้
- พรรคชูวิทย์ก็มีแล้ว อาจมีพรรคชูนิ้วก็เป็นได้ อย่าประมาท
- ปรับ ครม ครั้งหน้า ผมเสนอชื่อ ประยุทธ ศิริพานิช เป็น รมว ยุติธรรม ครับ ขอเสียงรับรองด้วย
- เมื่อสลายเสื้อแดงได้แล้ว ต่อไปคือสลายช่องแดง
- สส 4 คนที่ไม่ยอมโหวดรับร่างสุดซอย ไล่ออกเลยครับ เอาขวัญชัย ชัชToT และพวกเชลียร์สุดลิ่มเข้าไปนั่งแทน คนพวกนี้ซื่อสัตย์
----
@ ลักขณา ปันวิชัย (คำ ผกา)
นักเขียน-คอลัมนิสต์
- ไว้อาลัยให้การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ อีกหน้าหนึ่งของ ปวศ. การเมืองไทย พรรคเพื่อไทยทุบความชอบธรรมทางการเมืองของตนแตกละเอียด : ขอให้โชคดี
- คิดว่ามีคนเข้าใจผิดกันมากเรื่องการเลือกข้างโดยบอกว่า ที่ไม่เลือกข้างเพราะบางอย่างก็เห็นด้วยบางอย่างก็ไม่เห็นด้วย เอาอย่างนี้นะคะ แขกจะยกตัวอย่าง แขกเลือกข้างเสื้อแดง เพราะชัดเจนว่าไม่เอาระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ลับ ลวง พราง ที่กระทำกดขี่ประชาชน หลอกล่อเราด้วยกปฏิบัติการทางอุดมการณ์ทุกรูปบบจนระเบิดมาเป็นการรัฐประหารครั้วแล้วครั้งเล่าพร้อมๆกับการรับรองความชอบธรรมของการรัฐประหารอีกทั้งการฆ่าประชาชนอย่างต่อเนื่องแทบจะทศวรรษละหนึ่งครั้ง ไม่นับกระบวนการทำลายความชอบธรรมของประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งผ่านเครื่องมือทางอุดมการณ์ที่รายล้อมชีวิตของเรา
แต่การเลือกข้างเสื้อแดง ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับคนเสื้อแดงทุกเรื่อง เช่น แขกไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงบางกลุมเรื่องศาสนา, แขกไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่เหยียดเพศ, แขกไม่เห็นด้วยกับแกนนำที่ทรยศคำพูดตัวเอง, แขกไม่เห็นด้วยกับ พรบ. นิรโทษกรรมเหมาเข่ง, ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน ฯลฯ - ทั้งหมดนี้ แขกต้องเลิกเลือกข้างเสื้อแดงไหมคะ? หรือ มันทำให้แขกต้องไม่เลือกข้างไหม? ไม่ค่ะ เพราะการเลือกข้าง ไม่ได้แปลว่า ข้างเราทำถูกทุกเรื่อง - แต่การเลือกข้างคือการบอกว่าหลักการใหญ่ในการดำรงชีวิตทางสังคมการเมืองของคุณคืออะไร และภูมิใจในสิ่งคุณเลือก
ถ้าคุณ "เลือก" ที่จะไม่เลือกข้าง จงภูมิใจในสิ่งที่คุณเลือก อย่าหวั่นไหวต่อการถูกวิจารณ์ เพราะ การอยู่คนละข้าง เราต้อง วิจารณ์ "ข้างอื่น" จาก reference และ preference ของเราอยู่แล้ว อย่าตระหนกต่อการถูกหยามเหยียด อย่ากลัวที่จะถูกดูถูก จงภูมิใจในสิ่งที่ตนเองเลือก ยืนยันสิ่งที่คุณเลือก
คนเสื้อแดงถูกเหยียดว่าเป็นควาย เป็นทาสทักษิณ เป็นพวกไร้การศึกษา เป็นคนจนคนเสร่อ เป็นพวกบ้าวัตถุ เป็นเศรษฐีใหม่ไร้รสนิยม- แต่เราก็ไม่เคยอายในสิ่งที่เราเลือก
สู้ๆค่ะ คุณเลือกแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นจาก ....
@นายศรัณย์ ฉุยฉาย (อั้ม เนโกะ)
นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ด่าฝ่ายตรงข้ามมือเปื้อนเลือด แต่ตนเองก็ทำมาหา...บนกองเลือดของประชาชนอย่างด้านชา เลิกหน้าด้านที่จะบอกว่าพรรคตนสู้เพื่อประชาชน ประชาธิปไตยเถอะค่ะ ตอแหล
-----
ขณะที่ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) อย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ดพสตืข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กก่อนมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ซึ่ง นายรัฐวุฒิเป็น 1 ใน 4 ที่งดออกเสียง ระบุว่า
"เพื่อนมิตรบอกว่าให้กลืนเลือด ผมทำไม่ได้... นั่นมันเลือดประชาชน"
................
* ส่วนที่ไม่ได้ใช้วาทะกรรม "แก้ไข ไม่แก้แค้น" ในตอนนี้ที่พม่า เขาต่อสู้อย่างไร ดูนี่
Thu, 2016-04-07 19:33
ประกาศฉบับแรกของ 'มนตรีแห่งรัฐ' ให้การปล่อยตัวนักโทษการเมือง-นักกิจกรรม-นักศึกษา เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล เล็งถอนฟ้องคดีระหว่างรัฐกับประชาชน - นับเป็นประกาศแรกหลังอองซานซูจีดำรงตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ ตามกฎหมายฉบับใหม่ที่เพิ่งผ่านสภา ขณะที่ ส.ส.จากกองทัพวิจารณ์ว่าเป็นการผ่านกฎหมายแบบใช้ประชาธิปไตยรังแก
ประกาศของสำนักงานมนตรีแห่งรัฐ ลงนามโดย อองซานซูจี เรื่องการปล่อยตัวนักโทษการเมือง นักกิจกรรม และนักศึกษาเป็นวาระเร่งด่วน (ที่มา: president-office.gov.mm)
อองซานซูจี และถิ่นจ่อ ประธานาธิบดีพม่า พบกับเปาโล เจนติโลนี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลี ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงเนปิดอว์ เมื่อ 6 เม.ย. 2559 (ที่มา: president-office.gov.mm)
7 เม.ย. 2559 - ภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งอองซานซูจี เป็นมนตรีแห่งรัฐ ในวันนี้ (7 เม.ย.) อองซานซูจี ออกคำประกาศว่าจะมีแผนปล่อยตัวนักโทษการเมืองและนักกิจกรรมที่ถูกจองจำ "เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
โดยช่วงเย็นวันนี้ สำนักข่าวอิระวดี รายงานว่า เว็บไซต์สำนักงานประธานาธิบดีพม่าได้เผยแพร่ประกาศฉบับแรกของสำนักงานมนตรีแห่งรัฐ ลงนามโดย ออง ซาน ซูจี กำหนดให้ การปล่อยตัวนักโทษการเมือง นักกิจกรรม และนักศึกษา เป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลประชาชน
ทั้งนี้ในประกาศระบุว่ามียุทธศาสตร์ 3 ด้านที่รัฐบาลสามารถนำไปปฏิบัติได้ประกอบด้วย กลไกแรก ภายใต้มาตรา 204(a) รัฐธรรมนูญ 2008 และ ภายใต้มาตรา 401(a) ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญาซึ่งประธานาธิบดีมีอำนาจ "อภัยโทษ" แก่ผู้ถูกจองจำ
กลไกที่สอง ในมาตรา 204(b) ของรัฐธรรมนูญพม่า กำหนดให้ประธานาธิบดีออกคำสั่งนิรโทษกรรมตามที่สภากลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ (NDSC) ให้คำเสนอแนะ ทั้งนี้สภากลาโหมและความมั่นคงเป็นองค์กรที่มีอำนาจสูงสุด และอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ
กลไกที่สาม ที่ระบุคือ มาตรา 494 ตามประมวลกฎหมายอาญา ที่ระบุว่า ด้วยความเห็นชอบของศาล รัฐบาลสามารถถอนข้อกล่าวหาในคดีที่อยู่ในกระบวนการฟ้องร้อง โดยการถอนข้อกล่าวหาทำโดยผ่านเจ้าหน้านิติกรในระดับอำเภอ
"ในวาระปีใหม่ของชาวพม่า พวกเราจะปล่อยตัวนักโทษการเมือง นักกิจกรรม และนักศึกษา ที่เผชิญกับการดำเนินคดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยใช้กลไกแรกและกลไกที่สาม" แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้จากข้อมูลของสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองพม่า (AAPP) ระบุว่าขณะนี้มีนักโทษการเมืองเหลืออยู่ 100 คน และมีอีกกว่า 400 คนที่ถูกดำเนินคดี รวมทั้งนักศึกษาพม่ากลุ่มใหญ่ที่ถูกดำเนินคดีเมื่อปีที่แล้ว หลังเคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษา
ประกาศแรกของอองซานซูจีหลังรับตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ
ส.ส.กองทัพมองว่าเป็นการผ่านกฎหมายแบบใช้ประชาธิปไตยรังแก
ทั้งนี้นับเป็นประกาศฉบับแรก ภายหลังจากที่อองซานซูจีได้รับตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านชั้นสภาชนชาติเมื่อ 1 เม.ย. และผ่านสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 5 เม.ย. ก่อนที่รัฐสภาแห่งสหภาพจะส่งกลับมาให้ประธานาธิบดีถิ่นจ่อลงนามเมื่อ 6 เม.ย. และมีผลบังคับใช้
อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีการอภิปรายทั้งในชั้นสภาชนชาติ และสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาโควตาแต่งตั้งจากกองทัพได้อภิปรายคัดค้านโดยให้เหตุผลว่ากฎหมายตั้งมนตรีแห่งรัฐจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะตำแหน่งมนตรีแห่งรัฐ เข้าไปมีส่วนทั้งนิติบัญญัติและบริหาร ซึ่งขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ
โดยในหนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ของรัฐบาลพม่า เมื่อ 7 เม.ย. ได้ลงคำสัมภาษณ์ของ พลจัตวา หม่องหม่อง ส.ส. โควตากองทัพพม่า ที่ให้สัมภาษณ์หลังร่างกฎหมายมนตรีแห่งรัฐผ่านสภาว่าเป็นการ "รังแกด้วยประชาธิปไตย" ของเสียงข้างมาก
ขณะที่ ทุนทุนเฮง ประธานคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์แย้งว่า ร่างกฎหมายมนตรีแห่งรัฐนั้นเพื่อเป็นหลักประกันให้กับระบอบประชาธิปไตยแบบพหุพรรคการเมือง สหภาพที่เป็นสหพันธรัฐ และเพื่อสันติภาพและการพัฒนาของสหภาพพม่า
*
Last edited by linc49 (April 8, 2016 9:41 AM)
Offline
Offline
พม่าโชคดีที่ไม่มีลิเก
Offline
* เอาของจริงมาให้ดู คำพูดจากคนจริงใจ กับคำพูดจากคนตอแหล ต่างกันไง ตามนี้
http://thaienews.blogspot.com/2016/04/blog-post_31.html
วันศุกร์, เมษายน 08, 2559
"การปลดปล่อยบรรดานักโทษการเมือง ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด" -
Myanmar court frees student activists after Suu Kyi pledge
Source: France24.com
08 April 2016
THARRAWADDY (MYANMAR) (AFP) -
A Myanmar court on Friday freed dozens of jailed students, in the first wave of detainee releases after Aung San Suu Kyi pledged that the release of activists and political prisoners would be the first priority of her new government.
"You 69 are all freed now without charges," said Chit Myat, township judge at the Tharrawaddy court, ending the prosecution of those students over an education protest that was crushed in a violent police crackdown in March 2015.
..............
แคน สาริกา @can_nw 7 เม.ย.
ซูจี และพรรค NLD ทำตามนโยบายหาเสียงที่เคยประกาศว่า จะปล่อยนักโทษการเมืองและผู้ต้องหาทางการเมืองทั้งหมด
แคน สาริกา @can_nw 8 เม.ย.
8 เม.ย. สื่อพม่ารายงานการปล่อยตัวนักโทษการเมือง และผู้ต้องหาทางการเมืองจากเรือนจำทั่วเมียนมา ตามประกาศซูจี #พม่า
..........
.........รอ ก่อน รอนิรโทษกรรมโคตรสุดซอย พร้อม ทักษิณ นะจ๊ะ
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=VZ2RLOtz9t0[/embed]
ยังจำได้ไหม อรวี สัจจานนท์ (เยื่อไม้)
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=xSpEuNUiPjo[/embed]
จำได้ไหม - รวงทอง ทองลั่นทม
ซึ้งเป็นที่ ซูดดด
Last edited by linc49 (April 9, 2016 12:40 PM)
Offline
เห็นชื่อกระทู้ว่า "ทักษิณ....ความหวังและความผิดพลาดของฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่ได้สรุปบทเรียน" จึงเข้ามาอ่านด้วยความอยากรู้ว่าบทเรียนเรื่องนี้จะสรุปว่าอย่างไร
ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมีใครโดยเฉพาะเจ้าของกระทู้ที่จะช่วยสรุปให้ชัดเจนว่าบทเรียนในเรื่องของทักษิณ(รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง)มันคืออะไร
เรื่องนี้รวมทั้งเรื่องอื่นใดที่เป็นความผิดพลาดของฝ่ายประชาธิปไตยนั้นสำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่สามารถสรุปบทเรียนได้อย่างถูกต้องชัดเจนและทันสถานการณ์ เราก็จะผิดพลาดพ่ายแพ้อยู่เรื่อยไป ทำให้ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องยืดเยื้อและสูญเสียไปโดยไม่จำเป็น
จึงอยากให้ช่วยกันสรุปจริง ๆ จัง ๆ แทนที่จะไปมัวบอกว่าใครไม่จริงใจ ไม่ใช่อย่างนั้นไม่ใช่อย่างนี้ซึ่งนั่นเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์และสรุปบทเรียน (แน่นอนว่าข้อมูลมากและถูกต้องก็ทำให้การวิเคราะห์ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น แต่ถ้าเพลินกับการเล่นกับข้อมูลจนไม่สนใจการวิเคาาะห์ก็ไร้ประโยชน์)
เมื่อได้ข้อสรุปที่ถูกต้องชัดเจน เราจึงจะสามารถบอกได้ว่าใครเป็นมิตรเป็นแนวร่วมหรือเป็นศัตรูและสามารถกำหนดท่าทีได้ถูกต้อง
Offline
เห็นชื่อกระทู้ว่า "ทักษิณ....ความหวังและความผิดพลาดของฝ่ายประชาธิปไตยที่ไม่ได้สรุปบทเรียน" จึงเข้ามาอ่านด้วยความอยากรู้ว่าบทเรียนเรื่องนี้จะสรุปว่าอย่างไร
ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมีใครโดยเฉพาะเจ้าของกระทู้ที่จะช่วยสรุปให้ชัดเจนว่าบทเรียนในเรื่องของทักษิณ(รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง)มันคืออะไร
เรื่องนี้รวมทั้งเรื่องอื่นใดที่เป็นความผิดพลาดของฝ่ายประชาธิปไตยนั้นสำคัญมาก เพราะถ้าเราไม่สามารถสรุปบทเรียนได้อย่างถูกต้องชัดเจนและทันสถานการณ์ เราก็จะผิดพลาดพ่ายแพ้อยู่เรื่อยไป ทำให้ขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต้องยืดเยื้อและสูญเสียไปโดยไม่จำเป็น
จึงอยากให้ช่วยกันสรุปจริง ๆ จัง ๆ แทนที่จะไปมัวบอกว่าใครไม่จริงใจ ไม่ใช่อย่างนั้นไม่ใช่อย่างนี้ซึ่งนั่นเป็นเพียงข้อมูลส่วนหนึ่งที่จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์และสรุปบทเรียน (แน่นอนว่าข้อมูลมากและถูกต้องก็ทำให้การวิเคราะห์ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น แต่ถ้าเพลินกับการเล่นกับข้อมูลจนไม่สนใจการวิเคาาะห์ก็ไร้ประโยชน์)
เมื่อได้ข้อสรุปที่ถูกต้องชัดเจน เราจึงจะสามารถบอกได้ว่าใครเป็นมิตรเป็นแนวร่วมหรือเป็นศัตรูและสามารถกำหนดท่าทีได้ถูกต้อง
ขอขอบคุณ คุณ singular ที่ร่วม ให้ความคิดเห็น ......เรื่องที่คุณกล่าวถึง การสรุปบทเรียนนั้น ใช่เลย นั่นคือเป้าหมายของกระทู้นี้ ....แต่สิ่งหนึ่งที่กระทู้นี้นำพาไปคือข้อเท็จจริงที่พยายามหาเข้ามาให้พิจารณาศึกษาอย่างมีเหตุผลด้วยตนเอง และสรุปด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่านได้ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ากระทู้นี้เริ่มย้อนกลับไปในปี 2546 เป็นลำดับแรก การที่เราจะดูว่าใครคนนั้นในฐานะผู้นำทางการเมืองมีอิทธิพลต่อคนอื่นมากมายนั้นก็ต้องดูบทบาทที่เขาแสดงออกและความมุ่งหมายของเขา แน่นอนมันเป็นสิ่งยากยิ่งที่จะหาหลักฐานข้อเท็จจริงมาได้ เพราะสิ่งแวดล้อมในด้านข้อมูลมันถูกปั้นแต่งเพื่อให้ผู้นำคนนั้นดูดีอยู่แล้วจากอำนาจและอิทธิพลที่เขามี แต่ก็ต้องนำพฤติกรรมและลักษณะนิสัยที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ของเขาออกมานำเสนอ เมื่อผู้ศึกษาได้พิจารณาด้วยตนเองด้วยเหตุผลนั้นว่าเป็นเป็นจริงหรือไม่ แล้วเขาก็จะสรุปได้เอง ....การศึกษามิใช่เพียงการท่องจำ มิใช่การ copy & paste คือโดยการเรียนรู้จากคนอื่นแล้วเชื่อ การไม่ค้นหาความจริงด้วยตนเองย่อมไม่พัฒนาความคิดไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้...ผมก็มองหาแนวความคิดของกลุ่มต่างๆ เหมือนกันว่าเข้าใจในเหตุการณ์ได้ถูกต้องเพียงใดจากเหตุผลที่ได้มีการอธิบายและกำหนดท่าทีอย่างไร ...ก็ยังไม่มีโดยเฉพาะ พฤติกรรมของทักษิณ ..ในเมื่อเขาเป็นตัวสร้างเกมทำไมเรากลับไม่กล้าพูดกล้าศึกษาและแสดงออก...คุณ casala จากกลุ่ม ชิคาโก้ ก็เข้ามาคุยกับผมในกระทู้นี้ว่าทำไมผมไม่พูดทั้งด้านบวกและลบและพูดถึงทักษิณที่เขามีข้อตกลงกัน ผมก็เพียงบอกว่าลองพิจารณาดูในตัวเขา ผมก็เขียนเรื่องทักษิณเชิงวิเคราะห์ตามเหตุและผลออกมาเรื่อยๆ เท่าที่เวลามี เขาก็สรุปเองได้ ...ตอนนี้ เสื้อแดง และผู้รักประชาธิปไตยในชิคาโก เตรียมงาน "จาก 10 เมษาฯ กับหาทางออกประเทศไทย" ก็อยากทราบแนวทางและความคิด คงได้เห็นครับ ..ส่วนผมก็คงจะนำเรื่องทักษิณมาให้พิจารณาต่ออีกครับ คือจะรวบรวมเนื้อหาเท่าที่จะทำได้และนำเสนอ..ส่วนการสรุปของผมคงต้องรัดกุมและใช้เวลาครับเพราะต้องมีเหตุและผลประกอบตามข้อเท็จจริงนั้น แต่ผมอยากเห็นการแสดงความคิดเห็นของคนอื่นๆต่อกลุ่มการเมืองของทักษิณว่าเป็นอย่างไรด้วย
"ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย นักการเมืองต้องอยู่ภายใต้อำนาจของประชาชน มิใช่เป็นนาย"
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=4_iJLl7lkck[/embed]
ยินดีที่ไม่รู้จัก (Hello Stranger) Multi-language version
ฝากเพลงให้ฟังครับ ความหมายเหมือนกับตอนเริ่มกระทู้ที่สังคมโลก ควรจะเป็นแบบนั้น เสรีภาพ ความเท่าเทียม ความยุติธรรม อำนาจเป็นของประชาชนที่จะกำหนดอนาคต คือยินดี ทั้งที่ไม่รู้จัก แต่ใจตรงกัน
Offline
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
ที่ผมแสดงความเห็นไปก่อนหน้านี้ ก็เพราะมันตะหงิดใจเนื่องจากหวังจะเห็นการสรุปบทเรียนตามหัวกระทู้แต่ก็ไม่ได้เห็น
ถ้าหัวกระทู้ตั้งว่า "อีกด้านหนึ่งของทักษิณฯกับพวกฯ" หรืออะไรทำนองนี้ น่าจะตรงประเด็นกว่า
ผมคิดว่าการจะสรุปบทเรียนในเรื่องใดได้อย่างถูกต้อง เราจะต้องมีข้อมูลที่มากพอ และรอบด้าน ส่วนข้อมูลจะจริงเท็จแค่ไหนมันก็อยู่ในกระบวนการวิเคราะห์กลั่นกรองเพื่อสรุปบทเรียนในเรื่องนั้น ๆ อยู่แล้ว
ประเด็นของผมก็คือ ต้องสรุปบทเรียนและต้องสรุปให้ถูกต้องเพื่อจะได้กำหนดท่าทีต่อกลุ่มต่าง ๆ และกำหนดขั้นตอนและรูปแบบของการเคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์จริงมากที่สุด
ในส่วนของผม ที่ผมสรุปเองจากประสบการณ์ในประเด็นของทักษิณฯก็คือ ณ ขณะนี้ทักษิณฯ(รวมทั้งยิ่งลักษณ์ฯและพรรคเพื่อไทย) คือแนวร่วมของฝ่ายประชาธิปไตยไม่ใช่แกนนำและไม่ใช่ศัตรูของฝ่ายประชาธิปไตย เพียงแต่ทักษิณฯและพวกมีสถานะพิเศษกว่ากลุ่มอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาฺธิปไตย ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวบางอย่างของทักษิณฯก็เป็นผลเสียต่อขบวนการประชาธิปไตยด้วย
ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยน่าจะเข้าใจกันไม่น้อย ที่เห็นได้ชัดเจนมาก็คือการคัดค้านอย่างจริงจังของคนเสื้อแดงและกลุ่มต่าง ๆ (ที่ไม่ได้อยู่ในซีกเผด็จการและกลุ่มอำนาจโบราณ)ในกรณีนิรโทษกรรมเหมาเข่ง
แต่ในอนาคตเราไม่รู้ว่าทักษิณฯกับพวกจะเดินไปทางไหนซึ่งฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องคอยดูกันต่อไป
ผมก็ไม่รู้ว่าสรุปอย่างนั้นถูกหรือผิดอย่างไร จึงอยากรู้ว่าคนที่อยู่ในฝ่ายประชาธิปไตยคิดเห็นในประเด็นนี้อย่างไรกันบ้าง เพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยนกันด้วยเหตุผลและข้อมูลที่รอบด้านฉันท์มิตรสหารร่วมแนวทาง
Offline
* บางคนเห็นภาพเหล่านี้ในตอนแรก อาจเข้าใจผิดแต่ทั้งหมดคือการหาข้อเท็จจริง...(บางภาพ อายุเกิน 18 ดูได้ 5555) แล้วความจริงก็ปรากฏในรายงานที่เป็นผลงาน.....ด้านล่าง ที่สภาฝรั่งเศส
17 กันยายน 2015
Having noodles with the deposed prime minister (2001-2006), Berlin, 18 August 2015.
...............
http://prachatai.org/english/node/6028? … m=facebook
The content in this page is not produced by Prachatai staff. Prachatai merely provides a platform, and the opinions stated here do not necessarily reflect those of Prachatai.
Submitted by prachatai on Mon, 11/04/2016 - 11:18
Pavin Chachavalpongpun
My speech at a hearing on “Obstacles to Democratisation in Thailand” at the French Senate, Paris, 5 April 2016.
I would like to focus mainly on current politics of Thailand, particularly on obstacles to Thai democratisation in the aftermath of the 2014 coup.
Me at the hearing, the Senate, French Republic
Thailand’s political crisis began following the overthrowing of the elected government of Thaksin Shinawatra in 2006, and was further deepened by the 2014 coup, which removed his sister, Yingluck, from the premiership. In both coups, the main justification for the military’s intervention in politics was supposedly to rid corruption from politics. It is true that corruption has remained one of the main obstacles to democratisation in Thailand. But the real cause behind the long-drawn crisis is more complicated than many would admit.
At the root of the crisis lies in the denial of the traditional elites to come to terms with Thailand’s changing political, economic and societal landscape. In the last few decades, Thailand’s socio-economic advancement has outgrown the country’s political development. The once marginalised residents in the north and northeast regions of Thailand, while enjoying better social and economic livelihood as a result of Thailand’s fast-paced growth, demanded wider access to political resources, which had been long-time monopolised by political elites. When Thaksin won the election in 2001, he opened up a political space for fairer competition through electoral politics and in the process empowering those marginalised residents while turning them into loyal supporters of his party.
I am not saying that Thaksin was a role model for democracy. In fact, he became a part of a larger problem facing Thailand’s democracy. This is not to mention that Thaksin was successful in forming an authoritarian majority in the parliament, harassing his opponents, censoring the media, and committing extra-judicial killings against the Southern insurgents and local drug lords. But in the end, the Thaksin era was cut short. What represents a more deep-rooted issue for Thai democracy has been the traditional elites’ persistence in demeaning the democratic process. And this has been done through a series of military coups, apparently endorsed by the palace, as a way to eliminate political threats.
As Thailand has arrived at a critical royal transition, the traditional elites, of which the military is a part, have become even more anxious about what Thailand would become in the post-succession period. In past years, King Bhumibol Adulyadej had successfully ensured the nation’s political stability. But his era is coming to an end. The future remains uncertain and the politics inside the palace also remains unpredictable. This sense of anxiety drove them to once again adopt the crudest way of protecting their political benefits—through the coups.
In the period leading up to the royal succession, the military has striven to achieve two objectives. First, as the royal succession is the key to shaping the future of Thai politics, the military is aiming to stay in power for as long as possible in order to make sure that that the succession would be smooth and trouble-free and that their interests would be well preserved—even when this must be done at the expense of bypassing the democratic process. In the meantime, should the military be forced to step down, perhaps due to increasing domestic or international pressure, it has sought to iell a necessary “infrastructure” in politics so as to be able to hold onto power from behind the scenes.
Building the necessary political infrastructure is now done through the drafting of a seemingly non-democratic constitution. This is a setback for Thai democracy. The first draft of the constitution was disapproved by parliament and the second one, now completed, is awaiting approval through a possible referendum in the next few months. Why is the drafting of this constitution posing as an obstacle to Thailand’s democracy? This is simply because it would serve to shrink the democratic space, rather than widening it. First, the junta handpicked the drafting committees; it was not done by popular mandate. In the new draft, there are several provisions, which are designed to give the upper hand to the traditional elites in the continued process of dominating the Thai political domain. This includes an attempt to empower the Senate (whose members would all be appointed), and also ‘independent’ organisations (such as the Constitutional Court, the Administration Court, the National Anti-Corruption Agency, the Human Rights Commission and the Election Commission, etc), assigning them as instruments of the old power in challenging the position of future elected governments. A provision is also written to allow future prime ministers to be unelected appointees, possibly paving the way for unelected old generals to hold the premiership. Moreover, the constitution permits independent candidates to run in an election—this stresses an effort to break down the domination of powerful parties, like that of Thaksin. Ultimately, the democratic process would be manipulated, still by the old power—we could anticipate future governments to be weak, or shaky coalitions, being maneuvered by the traditional elites who are not willing to push for political reforms, as they have claimed.
Recommendations? What could Europe/France do to help promote democratisation in Thailand? An endeavour may begin with a serious review of sanctions against the Thai junta. Both the EU and USA have until now imposed what I see as “soft sanctions” against the military regime; this encouraged the military to feel more confident in its staying power and to continue to disparage the democratisation process. The fact that Thailand is cosying up with China, and in so doing compelling the USA and EU to take into account the impacts caused by Thailand being drawn into the Chinese orbit, seems to compromise the values and principles of the West, especially in adamantly campaigning for greater democratisation in Thailand. Another endeavour may include working closely with European embassies in Bangkok, local NGOs and alternative media, as well as in reaching out to local communities, in strengthening ideas and opinions on democracy and rights to protect civil liberties. I realise that this might already be an ongoing project of certain European nations in their works with local NGOs and alternative media, but a more determined commitment is needed, particularly in demonstrating more strongly to the junta that the EU/France cares about human rights and democracy in Thailand, as well as about condemning the illegitimate regime and pressuring them to return power to the Thai people.
Note: this version of my speech has been amended to avoid discussing sensitive issues regarding the monarchy.
Pavin Chachavalpongpun is Associate Professor at the Center for Southeast Asian Studies, Kyoto University
Last edited by linc49 (April 13, 2016 11:18 AM)
Offline
*สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองไทย ที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งรวมถึงอนาคตของคนไทยทั้งหมดเกิดขึ้นจากคนเพียงไม่กี่คนที่มีความทะเยอทะยานในการที่จะได้มาในอำนาจเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์อันมหาศาลในส่วนตนและพวกพ้องเท่านั้น นี่คือที่มาของปัญหา แต่เป็นที่น่าเสียใจที่คนไทยกลุ่มต่างๆเหล่านั้นไม่รู้จักแยกแยะและพิจารณาในข้อมูลที่สื่อสารกันเหล่านั้น นั่นคือไม่ได้ศึกษาในข้อเท็จจริงเพื่อหาต้นตอแห่งปัญหาไว้เป็นบทเรียน จนทำให้เขาเหล่านั้นกลับกลายเป็นเหยื่อของการปลุกระดมและสร้างความจงเกลียดจงชังต่อกัน..
http://prachatai.org/journal/2016/04/65231
วีดีโอนี้ เป็นผลงานของผู้เข้าร่วมโครงการ "อาสาสมัครเยาวชนผลิตสื่อวิดีโอ ส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์" โดยประชาไท ทำงานร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับประเด็นสิทธิเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ต และสื่อสารเรื่องเสรีภาพการแสดงออกในสังคมไทย
Wed, 2016-04-13 23:39
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=FRtKVgdGhLc[/embed]
เพลง "เมืองแห่งความเกลียดชัง" ถูกเขียนขึ้น และถ่ายทอดออกมาในช่วงเวลาที่ประเทศไทยอยู่ใต้การปกครองของรัฐบาล คสช. ที่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งเป็นผลพวงจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน ไม่เพียงในรอบสิบปีนี้เท่านั้น แต่ต้องย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ความรุนแรงอีกหลายครั้งในประวัติศาสตร์ ที่มีจุดร่วมคล้ายกันคืออุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างเป็นเหตุสะสมและบ่มเพาะความเกลียดชังมากจนคนในประเทศเดียวกันลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรงต่อกัน
เหตุการณ์หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ความเห็นแตกต่างทางการเมือง นำมาซึ่งความเกลียดชัง และนำไปสู่ความรุนแรงจนสุดท้ายมีผู้สูญเสีย แต่สังคมกลับดูไม่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นและมีแนวโน้มจะเดินหน้าเข้าสู่ความรุนแรงครั้งใหม่ๆ อีกในอนาคต
............
* หลายคนคงสงสัย แต่ถ้าไม่หาข้อมูลมาพิจารณา ก็คงตอบอย่างผู้ที่ไม่ได้ศึกษาจริงๆ... คำถามว่า ใคร? ในภาพที่มีให้และที่เพิ่มให้เพื่อเห็นตัวละครที่ปรากฏ แน่นอนว่าคนเหล่านี้บางคนน่าจะได้ประโยชน์อยู่บ้าง แต่คนที่ได้ประโยชน์แล้วไม่มีในภาพก็อาจเป็นได้ ...จุ๊ๆ อย่ากวนนะกำลังพิมพ์.....พิซซ่าไม่ได้สั่ง นะ จ๊ะ
เพื่อเป็นข้อมูลรอบด้านเพราะไม่มีรูป ทักษิณปรากฏ ในภาพคำถามนั้น จึงนำมาวางไว้ด้วย
คลิปเสียง 'ทักษิณ ชินวัตร' 28 มีนาคม 2552 อ้างอิง http://thaienews.blogspot.com/2009/03/28-2552.html แผนนองเลือด
ข่าววันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552 อ้างอิง http://thecityjournal.blogspot.com/2009 … st_13.html
"ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้อง เดินเข้ากรุงเทพทันที"
นี่คือคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่พูดโฟนอิน กับ ชาวเสื้อแดง เมื่อ 30 มี.ค. 2552
อ้างอิง วิวาทะ V2 https://www.facebook.com/quoteV2/photos … =3&theater
Last edited by linc49 (April 17, 2016 9:26 AM)
Offline
ความไม่ชัดเจน ของหลายกลุ่มในการเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยในต่างประเทศ ไม่ว่า รัฐใดในอเมริกา จากเมื่อก่อน 100 เปอร์เซนต์ อิง ทักษิณ ทั้งหมด แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ทักษิณเป็นแค่ ตัวตนที่เรายังให้ความนับถือแต่ไม่ใช่เป็นผู้นำอีกต่อไป
ขอบคุณกระทู้นี้ครับ ผู้สร้างสีสันทุกทุกท่านโดยเฉพาะคุณ linc49 เจ้าของกระทู้ คิดถึงทุกคนครับ
Offline
* ไม่คิดเหมือนอย่างในบทความนี้ ...เพราะถ้ามองลึกลงไปถึงลักษณะนิสัย และวิธีการให้ได้มาซึ่งอำนาจเบ็ดเสร็จ ทักษิณ คือศัตรูหมายเลขหนึ่ง ...ส่วนประชาชนนั้นเมื่อมีพัฒนาการในจิตสำนึกและหวงแหน เสรีภาพ ความเสมอภาค ความยุติธรรม ในแนวทางของประชาธิปไตยในระดับสูงแล้ว...ซึ่งต้องใช้เวลา..ไม่มีทางที่ฝ่ายจารีต-ขวาไทยจะไม่รู้ต่ออนาคตของกลุ่มตนถ้าจะมองประชาชนเป็นศัตรู แต่เขาจะต้องประคับประคองผลประโยชน์ให้ได้นานเท่านาน โดยหลีกเลี่ยงการปะทะและพ่ายแพ้พร้อมกับการสูญสิ้นผลประโยชน์ทั้งหมดโดยพลันต่างหาก...ประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้มันมีให้เห็นมากมายอยู่แล้ว
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=BqLhkRaze_k[/embed]
MV - แสงสุดท้าย bodyslam (for fanclub version) .....ดูความหมายเนื้อร้อง ...ของเพลงนี้
http://thaienews.blogspot.com/2016/04/b … t_964.html + *
วันศุกร์, เมษายน 29, 2559
ภาพ 6 ตค 2519 ล้อมฆ่านักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
...ในขณะนั้นศาล ICC ยังไม่มี เมื่อประชาคมโลกได้ตระหนักถึงการฆ่าหมู่โดยผู้มีอำนาจแล้วลอยนวล
แต่ The ICC began functioning on 1 July 2002. ซึ่งเผด็จการเริ่มตระหนักในผลที่จะตามมา
ทักษิณ ยังกลัว จึงเป็นที่มาของนิรโทษกรรมสุดซอยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ทำเพื่อทักษิณด้วย
*
บนทางแยกประวัติศาสตร์ของฝ่ายจารีต-ขวาไทย : ทักษิณอาจไม่ใช่ศัตรูหลักอย่างที่พวกเขาเข้าใจ
------------
ทำไมทักษิณจึงยังมีอำนาจทางการเมืองยืนยาวมาได้อย่างยาวนานขนาดนี้ เรื่องนี้ผมได้เขียนไปมากแล้วแต่มีเรื่องหนึ่งที่เราต้องไปทำความเข้าใจเพิ่มอีก
เป็นเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายจารีต-ขวาไทย ที่กำลังเป็นปัญหาและเป็นตัวอันตรายต่อประเทศไทยในขณะนี้
------
หลังจากขึ้นครองอำนาจทางการเมืองของตัวทักษิณชินวัตร เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาศาล ในความเปลี่ยนแปลงนั้นไปสะเทือนโครงสร้างเก่าที่กลุ่มเครือข่ายกลุ่มหนึ่งเคยได้เปรียบมานาน (เรื่องนี้มีคนเขียนเอาไว้เยอะแล้ว ผมขอข้ามไปละกัน)
เกษียร เตชะพีระ เคยให้ความเห็นมาประเด็นหนึ่งว่าอันที่จริงแล้วประเทศไทยอาจไม่ได้ประสบปัญหาสร้างประชาธิปไตยก็ได้ (democratization) โดยกลับกัน ตอนนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการย้อนกลับไปสู่ระบอบเก่าก่อนทักษิณมาต่างหาก
พูดง่ายๆ ตอนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามทำให้ประเทศไทยกลับไปเป็นระบอบเผด็จการอีกครั้งหนึ่ง (authoritarization) แต่ยังไม่สำเร็จเสียที ทำมาต่อเนื่องเป็นสิบปีแล้วก็ยังไม่สำเร็จ มันยังค้างๆคาๆอยู่
ผมเห็นด้วยกับการมองมุมกลับแบบนี้ เพราะเป็นการมองจากมุมของกลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยแบบที่เป็นอยู่ มองว่าประชาธิปไตยคือภัยคุกคามพวกเขา
เมื่อย้อนประเทศไทยกลับไปเป็นเผด็จการไม่สำเร็จทั้งๆที่ลงมือทำไปแล้ว จึงเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเป็นอันมาก
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริง เราก็เห็นด้วยตาของตัวเองใช่มั้ยครับ ?
------
การทำความเข้าใจฝ่ายจารีต-ขวาไทยในการเมืองไทยสมัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกระบวนการประชาธิปไตยเดินมาสู่คุณภาพหนึ่งเมื่อยุคไทยรักไทยเรืองอำนาจ ทำให้โครงสร้างเก่าๆที่เคยรู้จักมีความเปลี่ยนแปลงไป
ภายใต้โครงสร้างเก่า นักการเมืองและพรรคการเมืองไม่ได้ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ทางชนชั้นมากเท่าตัวทักษิณและพรรคไทยรักไทย
โดยกลับกัน พรรคการเมืองและนักการเมืองก่อนปี 2544 มีลักษณะที่สามารถถูกควบคุมโดยโครงสร้างและกลไกบางอย่างได้ (เช่น ระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ เป็นต้น) นักการเมืองจำเป็นต้องอยู่ใต้โครงสร้างอำนาจชนิดนั้นมานาน แม้ว่า 14 ตุลาฯ จะพังทลายอำนาจของข้าราชการประจำไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
ฝ่ายจารีต-ขวาไทย รู้สึก "ปลอดภัย" ภายใต้โครงสร้างชนิดนั้นเนื่องจากฝ่ายตนเองออกแบบมานาน สะสมมานานจนสามารถเปลี่ยนความคิดของคนในสังคมให้เห็นดีงามไปด้วยได้
นักการเมืองและพรรคการเมืองจึงไม่น่ากลัว ตราบใดที่พวกเขายังไม่เข้ามาทำลายโครงสร้างเดิมที่เคยเป็นมา ตราบนั้นนักการเมืองก็จะ "ได้รับอนุญาต" โลดแล่นบนเส้นทางอำนาจและผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
--------
การมาของทักษิณและพรรคไทยรักไทยได้ทำลายกำแพงเหล่านั้นลงไปหลายต่อหลายจุด
แน่นอนว่าตัวทักษิณเองเติบโตมาจากระบบโครงสร้างแบบเก่า เป็นนักการเมืองที่ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองคนอื่นๆที่ต้องการเข้ามาแสวงหาชื่อเสียงเงินทอง อำนาจและผลประโยชน์ เป็น cliche เรื่องเดิมๆที่รับรู้กันมาดีอยู่แล้ว
เพียงแต่วิธีคิดบางอย่างของทักษิณทำให้กำแพงเหล่านั้นพังลงอย่างไม่ตั้งใจ (ผมเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้กระทบต่อโครงสร้างเก่าขนาดนั้นแต่แรกแล้ว แต่อาจยกเรื่องเศรษฐกิจเอาไว้เรื่องหนึ่งเพราะเป็นงานถนัดของเขา)
การที่ทักษิณใช้แนวนโยบายประชานิยม เพียงเพราะทักษิณอยากได้ฐานคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งวาระต่อวาระเท่านั้นเอง มันง่าย เร็ว ลงทุนไม่มาก ลูกค้าชอบ ตอบโจทย์ได้ ทำไมจะไม่ทำล่ะ ?
สิ่งนี้แหละคือจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องทางการเมืองขนาดยาวของไทย เพราะสิ่งที่ทักษิณทำเพียงแค่หวังคะแนนเสียงเฉพาะหน้า มันกลับกลายเป็นว่าได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับฐานราก (radical) หลายตัว
----------
จึงทำให้เกิดสิ่งสำคัญขึ้นมา...
1. ตัวทักษิณกลายเป็นนายทุนนักการเมือง "ฮีโร่ของชาวบ้าน" บารมีของทักษิณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว ทักษิณจึงกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังทางการเมืองสูงยิ่งแปรผันตามบารมีของตนเอง
ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเลือกตั้งมีบารมีสูงเทียบเท่าทักษิณมากก่อน และไม่ใช่แค่มีบารมีแค่ระยะแรกๆหลังเลือกตั้งเท่านั้น แต่หากได้รับเลือกตั้งถึงสองครั้งติดด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 19 ล้านเสียง และ 14 ล้านเสียงตามลำดับ
หาก "การเมืองแบบบารมี" มีความสำคัญต่อการเมืองไทย ทักษิณก็คือผู้มีบารมีระดับสูงในระดับประเทศ
"การวัดบารมี" จึงเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นแรงจูงใจสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทย และจูงใจมากพอที่จะต้องโค่นล้มทักษิณลงไปให้ได้
การเมืองแบบบารมี ถือว่าเป็นพื้นที่อำนาจสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทยนั่นเอง ทักษิณ "ก้าวล่วงพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์" นี้ไปเสียแล้ว...
2. แนวนโยบายของไทยรักไทย ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนโฉมไปมาก สิ่งต่างๆที่เคยเป็นมากลายเป็นอดีตให้จดจำ
เพราะสังคมกำลัง "ดื่มด่ำ" กับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆที่พัดพามาพร้อมๆกับสิ่งที่เรียกว่าประชานิยม
เมื่อเกิดรัฐประหาร 2549 ไม่นานนัก ขบวนการเสื้อแดงโผล่ขึ้นมาแทบจะในทันที
ถามว่าพวกเขามาจากไหน ? พวกเขาก็มาจากความเปลี่ยนแปลงนี้แทบทั้งสิ้น (ผมเขียนบทความพูดถึงเรื่องนี้เอาไว้แล้วอย่างละเอียด ใน "คนเสื้อแดง “Agent of Change ?”: บทสำรวจบางประการ")
พลังทางการเมืองขนาดใหญ่โตที่ดูเหมือนว่า "ไร้ประสบการณ์ ถูกชักจูงโดยนักการเมือง โง่ จน เจ็บ" ไม่ใช่ของเก๊ในทางโครงสร้างอย่างแน่นอน
การตื่นขึ้นมาของประชาชนฝ่ายนี้ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
สาเหตุแรก แน่นอนว่าตัวทักษิณเป็นบุคคลสำคัญของฝ่ายเสื้อแดง เพราะเขาได้เชื่อมตัวเองเข้ากับมวลชนในวงกว้างมาแต่แรก ดังนั้น ตัวทักษิณจึงมีสองสถานะในเสื้อแดง
1. สัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย (ตลกร้ายก็คือทักษิณไม่ได้เป็นนักประชาธิปไตยอะไรขนาดนั้น)
2. เป็นนักการเมืองที่มีนโยบายดีๆสำหรับประชาชนและทำได้จริงๆ แต่ถูกรังแก ต้องช่วยทักษิณ
ทักษิณจึงเป็นผู้ที่มีบารมีอย่างมากในหมู่เสื้อแดงและผู้สนับสนุนทักษิณ
ทักษิณก็พร้อมที่จะสนับสนุนทรัพยากรต่างๆให้แก่มวลชน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยใช้ปีกมวลชนของพรรค คือ นปช. นั่นเอง
สาเหตุที่สอง "สำนึกทางการเมือง" ของผู้สนับสนุนทักษิณได้ก่อตัวขึ้นมาพร้อมๆกับประสบการณ์จริงๆในสังคมที่พวกเขาเผชิญอยู่ทุกวัน
คำว่า "ประชาธิปไตยกินได้" ไม่ใช่คำสวยหรูในตำราเพ้อฝันของนักวิชาการประชาธิปไตยโลกสวยอีกต่อไป หากแต่เป็นคำที่เกิดขึ้นจริงๆในชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะผู้สนับสนุนทักษิณ
เมื่อประชาธิปไตยมันกินได้มันจึงเป็นประชาธิปไตยที่ดี
"นักการเมืองจ่ายเงินซื้อเสียงบ้างก็ไม่เป็นไร คอรับชั่นบ้างก็รับได้ แต่เวลาฉันป่วยฉันก็เข้าโรงบาลได้เลย เวลาฉันไม่มีเงินก็มีโครงการดีๆมาให้ฉัน เมื่อยามฉันทำงานเหนื่อยแทบตาย ก็มีคนที่ชื่อทักษิณมาบอกว่าเอาค่าแรงที่ยุติธรรมไป เมื่อลูกหลานของฉันอยากเรียนหนังสือ ก็ได้เรียน เมื่อลูกหลานฉันเรียนจบ ก็ได้หมื่นห้า ฯลฯ
จู่ๆวันหนึ่งมีคนออกมาไล่นายกของฉัน สุดท้ายก็มีทหารเข้ามาพรากประชาธิปไตยไปจากฉัน ฉันจะยอมหรือ ?"
เรื่องเล่าเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องเล่าอันหนักหน่วงสำหรับฝ่ายจารีตต-ขวาจัดไทย
เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้กับตัวทักษิณเพียงอย่างเดียวเสียแล้ว...
ศัตรูของฝ่ายจารีต-ขวาไทย จึงขยายวงกว้างไม่ได้จำกัดเพียงแค่ทักษิณและเครือข่ายทักษิณ
แต่พวกเขากำลังสู้กับจิตสำนึกที่เปลี่ยนไปแล้วของประชาชนต่างหาก
เมื่อจิตสำนึกของผู้คนเปลี่ยนแปลง การเอาปืนมายิงให้ตาย เอาทหารมาล้อมฆ่า ก็ทำได้เพียงแค่พรากชีวิตไปเท่านั้น
แต่กระสุนปืนยิงอุดมการณ์และจิตสำนึกทางการเมืองไม่ได้มันเอาปืนฆ่าไม่ได้...
-------
วันเวลาผ่านไป หลังล้อมฆ่า 2553 ทำให้ฝ่ายถูกฆ่าเริ่มยกระดับจิตสำนึกตัวเองขึ้นมาใหม่
พวกเขารู้ว่ากำลังสู้กับอะไร การต่อสู้อาจจะไม่ใช่การต่อสู้เพื่อทักษิณต่อไปอีกแล้วก็ได้
แน่นอนว่าจิตสำนึกที่ถูกยกระดับของมวลชนอาจจะไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นท์เท่ากันหมด มันย่อมต้องใช้เวลาสะสมทั้งความคิดและประสบการณ์ตามวันและเวลา
หลายครั้งเสื้อแดงเองก็หลับหูหลับตาเชียร์อย่างไม่สนใจปรากฎการณ์ใดๆ ราวกับว่าทักษิณและพรรคของทักษิณไม่เคยผิดพลาดเลย ไม่เคย "เหยียบหัวประชาชนเพื่อผลประโยชน์ตนเอง" เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เวลาและประสบการณ์ที่มากขึ้นเท่านั้นจะเป็นคำตอบ
---------
โดยกลับกัน ฝ่ายจารีต-ขวาไทย กลับพยายามรั้งอดีตเอาไว้กับตัวเอง ยังเชื่อมั่นในวิธีการเก่าๆที่จะรักษาระบอบโครงสร้างเดิมเอาไว้ให้ได้
ความผิดพลาดอย่างมหันต์ก็คือการไม่ยอมปรับตัวเองเข้าสู่โครงสร้างใหม่ ยังยึดติดกับความเคยชินเดิมๆ ยังคงใช้วิธีคิดเดิมที่เคยได้ผล
แน่นอนครับ การรัฐประหารคือ practical ทางการเมืองที่จับต้องได้และทำได้สำเร็จด้วย
แต่ปัญหาคือ การรัฐประหาร การล้อมปราบ การกดขี่ การทำลายสิทธิเสรีภาพ ยิ่งทำให้สถานภาพทางการเมืองของพวกเขาแย่ลงในระยะยาว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองใดๆได้อีกด้วย
เขาโค่นล้มล้มทักษิณได้ใช่หรือไม่ ? ใช่, เขาสามารถกลับเข้าไปยึดอำนาจรัฐได้หรือไม่ ? ใช่
แต่ที่เขายังทำไม่ได้และจะไม่มีวันทำได้ คือ "การครองใจคนหมู่มาก"
ทักษิณมีอาวุธมหาประลัยในมือ คือ การครองใจคนหมู่มากเอาไว้ได้ และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยขึ้นมาได้ (แม้ว่าแดงหลายกลุ่มจะไม่ยอมรับตรงนี้ แต่เชื่อผมเถอะ ทักษิณขยับทำอะไร เขาก็ยังต้องตามทักษิณไปก่อนอยู่ดี)
หากการเมืองเป็นเรื่องของการครองใจคนภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายจารีต-ขวาไทยล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง....
------
ทางแยกสำคัญของฝ่ายจารีต-ขวาไทย มีเพียงไม่กี่ทางเท่านั้น
1. พร้อมปรับตัวเข้าสู่โครงสร้างและสถานการณ์อำนาจแบบใหม่ เพื่อรักษา status quo ของตัวเองเอาไว้ให้ได้ ยินยอมที่จะประนีประนอมกับพลังทางการเมืองใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ
2. เลือกทางแตกหัก ยอมหักไม่ยอมงอ หากกูไม่ได้เป็นผู้กุมเกม ก็จงทำลายล้างกันไปให้สิ้นซาก
ทักษิณอาจเป็นตัวแปรสำคัญก็จริงแต่ทักษิณเองก็คุมไม่ได้ทั้งหมดอย่างที่หลายคนเข้าใจ
"ซุบเปอร์ดีล" ไม่เคยจบลงอย่างสวยงามหากปราศจากประชาชนในนั้น...
Pakinai Chomsinsubmun
* ทักษิณ ได้พิสูจน์ตัวตนผ่านพฤติกรรมเผด็จการของเขามาจนล่อนจ้อน แล้ว คงไม่สามารถเป็นผู้นำทางประชาธิปไตยได้นอกจากประชาธิปไตยปลอมๆเท่านั้นที่เป็นการทำธุรกิจผ่านการเลือกตั้งเพื่อเข้าถึงอำนาจ
Last edited by linc49 (April 29, 2016 11:25 AM)
Offline
* ใครที่ออกมากล่าวว่า ทักษิณไม่ได้จ้างล๊อบบี้ยิสต์ กรุณาพิจารณาข้อมูลนี้ เพราะท่านกำลังทำลายแนวทางพัฒนาประชาธิปไตย พูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง กลายเป็นเบนประเด็นให้คุณค่ากับุคคลที่ไม่สมควรให้คุณค่ามากกว่าประชาธิปไตยของประชาชนที่แท้จริง
http://www.prachachat.net/news_detail.p … 1461758681
updated: 27 เม.ย 2559 เวลา 19:20:19 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วิเคราะห์
เกือบ 1 ทศวรรษที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ต้องพเนจรอยู่ต่างประเทศ หลังถูกปล้นอำนาจในนามรัฐบาลพรรคไทยรักไทย สิ้นสุดรัฐบาลเสียงข้างมากพรรคเดียวเบ็ดเสร็จ
นับจากปฏิรูปการปกครอง 19 กันยาฯ 49 ถึงปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง 22 พฤษภาฯ 57 เป็นต้นมา "ทักษิณ" เดินเกมทางการเมืองภายนอกประเทศ-เล่นเกมโลกล้อมไทย ผ่านการว่าจ้าง "ตัวแทน" บริษัทล็อบบี้ยิสต์ 5 บริษัท คอย "วิ่งเต้น" ทางการเมือง
กับอีก 1 ชาวต่างชาติ-
เว็บไซต์ Lobbying Disclosure จัดทำโดย Office of the Clerk ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ระบุว่า ทักษิณจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐ ให้เป็นตัวแทนในการวิ่งเต้นทางการเมืองในสภาคองเกรส-ทำเนียบขาว ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปี 2558 จำนวน 5 บริษัท
บริษัทแรก Baker Botts L.L.P. ตั้งอยู่ที่ The Warner, 1299 Pennsylrania Ave., NW, Washington DC ได้รับการว่าจ้างในปี 2549 และ 2550 หลังรัฐบาลพรรคไทยรักไทยถูกโค่นล้มอำนาจ
"จ็อบดิสคริปชั่น" เพื่อคิดค้นวิธีการทางยุทธศาสตร์เพื่อนำไปใช้สำหรับปัญหาด้านกฎหมาย-การเมืองระหว่างประเทศ โดยทางบริษัทจะทำการติดตามและประเมินนโยบายของ "รัฐบาลทำเนียบขาว" ที่มีต่อ "รัฐบาลทหาร"-พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
บริษัท Baker Botts L.L.P. ได้รับรายได้รายไตรมาสราว 10,000 เหรียญสหรัฐ
2.บริษัท Barbour Griffith & Rogers, LLC d/b/a BGR Holding ได้รับการว่าจ้างในปี 2549 ต่อเนื่องถึงปี 2558เพื่อนำเสนอแนวทางและให้คำแนะนำในประเด็นเรื่องผลประโยชน์ของทักษิณในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.และต่างประเทศ โดยได้รับรายได้จากการว่าจ้าง 160,000 เหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นรายได้ลดลงเหลือไตรมาสละต่ำกว่า 5,000 เหรียญสหรัฐ
3.บริษัท Amsterdam & Peroff LLP ตั้งอยู่ที่ 601 13th Street NW, 11th Floor South, Washington DC ได้รับการว่าจ้างในปี 2553 และ 2554 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2555 เพื่อนำเสนอแนวทางและให้คำแนะนำในประเด็นเรื่องผลประโยชน์ของทักษิณในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และต่างประเทศ เพื่อวิ่งเต้นทางการเมืองต่อหน่วยงานในรัฐบาลสหรัฐ ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง ได้รับรายได้ต่อไตรมาสของ 5,000 เหรียญสหรัฐ และ 10,000 เหรียญสหรัฐ
การเมืองปี 2553 เดินมาสู่จุดแตกหัก เพราะมีการสลายการชุมนุมในปี 2553 จนมีกลุ่มคนเสื้อแดงล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ปรากฏร่างชาวต่างชาติ-นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม (Robert Amsterdam) โดดเด่นขึ้น ซึ่งนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท
นอกจากนี้ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของทักษิณ อย่างไรก็ตามในปี 2555 โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ออกมาประกาศยุติบทบาท ในเดือนมกราคม 2558 โดยอ้างว่าในช่วงการทำงาน 2 ปีที่ผ่านมาได้ค่าจ้างไม่ถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ
4.บริษัท Kobre & Kim LLP ตั้งอยู่ที่ 1919 M Street, N.W., Washington DC ได้รับการว่าจ้างในปี 2553 เพื่อนำเสนอแนวทางและให้คำแนะนำในประเด็นเรื่องผลประโยชน์ของทักษิณในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และต่างประเทศ บริษัท Kobre & Kim LLP ได้รับรายได้ 25,000 เหรียญสหรัฐ
5.บริษัท BGR Government Affairs ตั้งอยู่ที่ 601 13th Street NW, 11th Floor South, Washington DC ได้รับการว่าจ้างในปี 2558 บริษัท BGR Government Affairs ได้รับรายได้ต่อไตรมาส 5,000 เหรียญสหรัฐ
และล่าสุด เป็นบริษัทที่ 6 ตามรายงานของ คสช. ที่เปิดเผยว่า มีหลักฐานปรากฏออกมาว่าบริษัท BellPottinger ประเทศอังกฤษ โดยบทความจากหนังสือพิมพ์ The Guardian และบทความสัมภาษณ์เจ้าของบริษัท Bell Pottinger ของหนังสือพิมพ์ Financial Times
การว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ ถูกขั้วตรงข้ามทักษิณ หยิบยกขึ้นมาเล่นเกมโต้กลับ-แฉพฤติกรรมทักษิณว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งบนดิน-ใต้ดิน ของความขัดแย้งการเมืองไทยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเกือบ 10 ปีเต็ม
.........
* เข้าดู Lobbying Disclosure ที่นี่ http://lobbyingdisclosure.house.gov/
* ใช้ Thaksin ค้นหา ด้วย search รายการในข่าววิเคราะห์ ผลดังรูปนี้
* ทำเพื่อ...
9 ปี ทักษิณ วิ่งวนอยู่รอบเสาอนุรักษ์นิยมขวาจัด แต่ปากบอกว่า เรียกร้องประชาธิปไตย ...ความคิดของเขานั้นไร้คุณค่า มองไม่เห็นหลักมนุษยธรรม ความเสมอภาค ความยุติธรรม เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนใดๆ ที่เป็นความมุ่งหมายในสังคมแห่งโลกอารยะ
แต่สิ่งที่แสดงออกของเขานั้นชัดเจน ไม่ให้ความสำคัญต่อประชาธิปไตยที่แท้จริงในโลกเลย เพียงแต่ต้องการอำนาจที่จะได้จากการเลือกตั้ง โดยใช้พรรคและ นปช. คาเฟ่ เป็นเครื่องมือในการหลอกผู้คนให้หลงเชื่อว่านี่คือประชาธิปไตย และเป้าหมายที่แท้จริงคือธุรกิจการเมืองที่เอื้อประโยชน์อันมหาศาลต่อเขา
Offline
แฟนจ๋า ..มาแล้วจ๊ะ ...ขี้ตั๋ว เบเบ..ขี้จุ๊ เบเบ..ขี้ฮก เบเบ ตาลาลา..ขี้โม้..เอาละวา
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=WGd8xfgjMGY [/embed]
คนที่จะกล่าวถึงเหล่านี้ ..อ้างว่า รักและทำเพื่อประชาชน ทั้งนั้น ..แต่จริงๆแล้ว..ตามนี้
Chai Saraburi
ผมจะไม่ปฎิวัติ ผมจะขอเวลาอีกไม่นาน เป็นคำพูดที่ชายชาติทหารคนนึงที่ไม่เคยออกรบ กล่าวไว้ แต่ไม่เคยทำตามคำพูด ปัดโถ่โว้ย ก็หลังเสือเนี่ยะขี่แล้วมันดี ขี่แล้วจะด่าใครก็ได้ จะช่วยน้องช่วยหลานช่วยคนใกล้ชิดยังไงก็ได้ แค่นี้ทนไม่ได้เหรอ ระวังตัวไว้นะ
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/57-100.html
ละเอียดยิบ! สหรัฐ-ญี่ปุ่น-ยุโรป-อาเซียน-จีน เมิน “ลงทุนไทย” หลัง รปห.57 “ลด” โครงการ-เงินลงทุน เกือบ 100%
ที่มา เวปที่นี่และที่นั่น
ข้อมูล “สถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รายเดือนสะสม ปี 2558 (มกราคม-เมษายน) ที่บันทึกโดย “กองความร่วมมือการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน” หรือ “BOI” ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่ล่าสุด ใน%BUB9วงวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่า ในปี 2555 และปี 2556 ซึ่ง %뵵0คณะกรรมการค่าจ้าง” หรือ “บอร์ดค่าจ้าง” ได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท โดยนำร่อง 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม นนทบุรี และภูเก็ต ก่อน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 และมีการปรับขึ้นค่าจ่างขั้นต่ำ 300 บาท ในอีก 70 จังหวัดที่เหลือให้ครอบคลุมและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 นั้นกลับมีสถิติความสนใจลงทุนในไทยโดยตรงจากต่างประเทศ สะสมมากที่สุดในรอบ 6 ปี (พ.ศ.2552-2557)
โดยในปี 2555 ซึ่งเริ่มมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท นำร่อง 7 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 นั้นมีสถิติการยื่นคำขอลงทุนจากต่างประเทศ มากกว่า 1,400 โครงการ จำนวนเงินลงทุนอยู่ในระดับ 605,000 ล้านบาท
และในปี 2556 ซึ่งมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท เท่าเทียมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไปนั้นข้อมูลที่ถูกบันทึกเอาไว้โดย กองความร่วมมือการลงทุนระหว่างประเทศ BOI กลับชี้ให้เห็นว่า มีการยื่นคำขอลงทุนจากต่างประเทศ อยู่ในจำนวนประมาณ 1,200 โครงการ จำนวนเงินลงทุนใกล้เคียงกับตัวเลขมากถึง 505,000 ล้านบาท
ในขณะเดียวกันสถิติการขอลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี 2555 และปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเริ่มการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทนั้นได้แสดงให้เห็นว่ามีจำนวนคำขอการลงทุนจากต่างประเทศ มากกว่าในปี 2552 , 2553 และ 2554 ซึ่งยังไม่มีการปรับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทอย่างชัดเจน
ซึ่ง แน่นอนว่า “ข้อมูล” ของ “กองความร่วมมือการลงทุนระหว่างประเทศ BOI” ดูเหมือนจะ “ขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง” กับ “คำพูด” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่อ้างในทำนองว่า .. ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่สนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ..
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตรวจสอบ “ข้อมูล” จาก “สถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ” ดังกล่าว ยังพบว่า หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดย คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับเป็นส่วนที่ทำให้ “ตัวเลข” ที่แสดงถึง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ “ลดต่ำลง” อย่างเห็นได้ชัด
โดยช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2557 ที่ประเทศไทยยังไม่เกิดการรัฐประหารโดยคณะ คสช. สถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า เฉพาะในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2557 ก็ยังคงมีจำนวนการลงทุนที่มากกว่า 264 โครงการ และจำนวนเงินลงทุนที่มากกว่า 219,932 ล้านบาท
กลับกันเมื่อเกิดการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดย คสช. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับพบว่า ช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2558 สถิติจากข้อมูลของ กองความร่วมมือการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงาน BOI กลับชี้ให้เห็นว่ามีจำนวนการลงทุนเพียง 112 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนเพียง 7,375 ล้านบาท ซึ่งถือว่า จำนวนโครงการลดลงมากถึงร้อยละ 57.5 และมูลค่าเงินลงทุนลดลงถึงร้อยละ 96.6 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ข้อมูลของ “กองความร่วมมือการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงาน BOI” ได้แจกแจงถึง “ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุน ในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2558 ” ในช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2558 ที่ทำให้เห็นว่า “ลดต่ำลงมาก” อย่างชัดเจน โดยระบุว่า
“โครงการต่างชาติที่ยื่นขอส่งเสริมในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2558 จะก่อให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ แยกเป็นแรงงานไทย 3,159 คน และต่างชาติ 737 คน
ญี่ปุ่น : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 33 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2,320 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลง” จากปีก่อนหน้า ร้อยละ 73.8 และ 96.5 ตามลำดับ
สหรัฐฯ : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 7 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 108 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลง” ร้อยละ 36.4 และ 99.7ตามลำดับ
ยุโรป : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 24 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 556 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลงลดลง” จากปีก่อนหน้า ร้อยละ 35.1 และ 99.1 ตามลำดับ แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาอังกฤษ
อาเซียน : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 17 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 620 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลงจากปีก่อนหน้า” ร้อยละ 39.3 และ 88.2 ตามลำดับ แหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากสิงคโปร์
จีน : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 12 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 1,957 ล้านบาท “จำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 71.4 แต่มูลค่าเงิน ลงทุนลดลงร้อยละ 79.0”
สาธารณรัฐเกาหลี : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 2 โครงการ มูลค่าเงิน ลงทุน 89 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าการลงทุนลดลง” ร้อยละ 80 และ 99.2 ตามลำดับ
ไต้หวัน : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 967 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า “จำนวนโครงการลดลง” จากปีก่อนหน้าร้อยละ 20 ส่วนมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.8
อินเดีย : มีโครงการยื่นขอส่งเสริม 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8.75 ล้านบาท “จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนลดลง” จากปีก่อนหน้า ร้อยละ 83.3 และ 98.5 ตามลำดับ ”
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/2560.html
จะไม่มีการเลือกตั้งปี 2560 ถ้าโหวตโนชนะ (สงสัยจะให้ถีบลง)
จะไม่มีการเลือกตั้งปี 2560 ถ้าโหวตโนชนะ
ท่าทีล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
............................
ถึงแม้จะให้สัญญากลางที่ประชุมสหประชาชาติ เมื่อเดิือนกันยายน 2559 ว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560
ดู
นายกฯโชว์วิชั่นในUN ยืนยันเลือกตั้งปี2560
http://www.thaipost.net/?q=node%2F7452
แต่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้กล่าวไว้ก็คือ
การเลือกตั้ง 2560 จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ผ่านประชามติ หรือโหวตเยส ชนะ เท่านั้น
แต่ถ้าโหวตโนชนะ สิ่งที่คณะรัฐประหารชุดนี้จะทำคือ กลับมาเริ่มต้นใหม่เป็นรอบที่ 3 ดังบทสัมภาษณ์ล่าสุด
........................
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญพูดตั้งหลายครั้งแล้วว่า ให้ทำไป ตนให้อำนาจไปแล้ว ไม่มีใครเขาให้แบบนี้ พอถึงเวลาก็อยู่ไปเรื่อยๆ ใครจะด่าว่าก็ไม่สนใจ แต่ตนมีโรดแม็ป แต่ถ้าเกิดความวุ่นวาย ไปไม่ได้ก็จบรัฐธรรมนูญ หากไม่เห็นชอบก็ไม่ต้องผ่าน แล้วมาเริ่มต้นใหม่แล้วจะให้ตนลาออกหรือ ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของตน ตนกำลังทำเพื่อประเทศ และไม่ได้ขู่ว่าจะอยู่ต่อ หากไม่รับร่างฯ ถ้าไม่รับก็ต้องมีเหตุผลว่ามันไม่ดี ถ้ารับก็ต้องมองเห็นข้อดี จากนั้นเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งต้องมีธรรมาภิบาล ไม่เอาคนมีคดีกลับเข้าม
ดู
บิ๊กตู่' ลั่น 'ประชามติ' ไม่ผ่านเริ่มใหม่อยู่ต่อ ปลื้มผลงาน 2 ปี คสช.
https://www.thairath.co.th/content/621279
นั่นก็หมายความว่า หลังจาก
ร่างแรก บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ถูกคว่ำโดย สปช. ในเดือนตุลาคม 2558
ร่างที่สอง มีชัย ฤชุพันธุ์ ถ้าโหวตแพ้ในการลงประชามติ สิงหาคม 2559
ก็จะมีร่างที่สาม ซึ่งอาจจะเป็นใครก็ได้ ในบรรดาเนติบริกร
ถ้าผานประชามติในปี 2560 ก็จะมีการเลือกตั้งในปี 2561 เป็นอย่างเร็วที่สุด
และถ้าไม่ผ่านอีกก็จะร่างในปี 2561 เลือกตั้ง 2562
ฯลฯ
ท่าทีเช่นนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไมีมีอะไรมากกว่าจะขู่ไปยัง 2 พรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย/ประชาธิปัตยฺ์ ว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็จะไม่มีเลือกตั้ง
ดังนั้นถ้าอยากมีเลือกตั้งเร็ววันก็ต้องมาช่วยโหวตเยส
แต่การเมืองไทยมันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
คระรัฐประหารจะสามารถร่างรัฐธรรมนูญกี่ปี กี่ฉบับ ก็ได้จนกว่าจะผ่านประชามติอย่างนั้นหรือ
Thanapol Eawsakul
ประวิตร เศรษฐกิจดีขึ้น? ...จะขอซื้ออาวุธ
http://www.prachachat.net/news_detail.p … 463224665#
ต่างจังหวัดโคม่า กำลังซื้อส่อฟุบยาว พิษแล้ง-มาตรการรัฐแป้ก ทุบค้าปลีกร่วง
หนี้บัตร
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/blog-post_99.html
"นายดอน" ลั่น พร้อมแจงเวทียูเอ็น กร้าว ไทยก็มีเรื่องส่วนตัว ที่ชาติอื่นไม่ควรยุ่ง (กลัวว่าจะปากจู๋หูตกน่ะสิ)
http://www.matichon.co.th/news/131620
ความเห็นชาวเน็ต...
พอไปถึงเวทีโลกเห็นหงอทุกที เก่งจริงก็กร้าวเป็นภาษาอังกฤษซิครับ (ถ้าแปลแล้วความหมายไม่ตรงจะได้ขำให้กลิ้งไปเลย)
ปล.สิทธิมนุษย์ชนไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เข้าใจคำว่ามนุษย์ไหมครับ ตอนนายกยิ่งลักษณ์นิดๆหน่อยๆก็จะตายกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ
...
อยู่ในบ้านเป็นเสือ
ออกนอกบ้านเป็นแมว
.....
เวลาเขาถาม ก็ขอให้ตอบแบบนี้นะ
พ่อคนเก่ง
.....
มีเรื่องส่วนตัวมากก็อยู่ตัวคนเดียวสิ ไม่ยอมรับกติกาโลกแล้วไปประชุมกับเขาทำไม แถมยังอยากเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงอีกแน่ะ (ไม่รู้ป่านนี้พับฐานไปยัง เห็นพูดกันจังเมื่อปีที่แล้ว)
คำถามคือ ตาเฒ่าดอนนี่ วันๆ ทำไรมั่ง นอกจากท่องคาถา "ต่างชาติเข้าใจ" ซึ่งแม้แต่สลิ่มที่พอมีสมองหน่อยยังไม่เชื่อ ผมงงจริงๆ นะ แต่ก็นั่นละ ประยุทธ์คงหาใครมาเป็นไม่ได้แล้ว เพราะการต่างประเทศของไทยในยุคเผด็จการละเมิดสิทธิ ไม่มีทางทำอะไรได้เลย นอกจากโวยว่า "ทักษิณซื้อโลกไปแล้ว"
.....
แล้วไอ้ กกต สมชัยไปเสือกอะไรกับการเลือกตั้งที่ฟิลิปินถามหน่อย
.....
คุณดอนรอพบแพทย์หน้าห้องเบอร์1ค่ะ
.....
ดอน"บอกชาติอื่นไม่ต้องยุ่งเป็นเรื่องภายในของไทยเอง ตอแหลชัดๆกรูเห็นมึงวิ่งแจ้นไปแจงเขาทุกครั้งที่ต่างชาติเขาคอมเม้นมา ถ้าแน่จริงมึงก็อย่าไปแจงเขาซิว่ะดอน ประเทศไทยจะได้เป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครเขาคบด้วย
เผด็จการไทยเละเทะบนเวที UPR ละเมิดสิทธิ์เพียบ
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/blog-post_19.html
บีบีซีไทย: องค์กรสิทธิฯ กล่าวหารัฐบาลไทยหลอกลวงนานาชาติ เสนอข้อมูลเท็จในรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน
ที่มา บีบีซีไทย
19 พฤษภาคม 2559
องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ FIDH ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (18 พ.ค.) กล่าวหาว่ารัฐบาลไทยหลอกลวงนานาชาติเรื่องสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศ ระหว่างการรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยต่อที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา
องค์กร FIDH โต้แย้งข้อมูลของตัวแทนรัฐบาลไทยที่เสนอต่อที่ประชุม UNHRC ซึ่งระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวอย่างจำกัด ทั้งที่ข้อเท็จจริงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ บังคับใช้อำนาจตามมาตรา 44 ถึง 70 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.2557-4 พ.ค.2559
นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ FIDH ยังระบุว่า แม้ตัวแทนรัฐบาลไทยประกาศจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะระหว่างการประชุมดังกล่าว แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีการลิดรอนสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นจำนวนมากนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา เห็นได้จากการควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยรัฐบาลไทยอ้างว่าจำเป็นต้องป้องกันความแตกแยกในสังคม แต่กลับส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกตามความเชื่อทางการเมืองของบุคคล ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานและได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงระหว่างประเทศ
นายคาริม ฮาลิดจี ประธานองค์กร FIDH กล่าวว่าความพยายามของรัฐบาลไทยที่จะกวาดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนไปซุกไว้ใต้พรม ได้ถูกตีแผ่ต่อที่ประชุมในนครเจนีวา และสมาชิกสหประชาชาติจำนวนมากต่างกังวลต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนที่กำลังเป็นปัญหาในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในการประชุมที่นครเจนีวาดังกล่าว ตัวแทนจาก 97 ประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั่วโลก ได้ยื่นข้อเสนอแนะ 249 ข้อต่อรัฐบาลไทย ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลไทยยอมรับว่าจะพิจารณาข้อเสนอแนะ 181 ข้อ และจะให้คำตอบเรื่องข้อเสนอแนะอีก 68 ข้อที่เหลือในการประชุม UNHRC ครั้งที่ 33 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นอีกครั้งในเดือน ก.ย.2559
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
.........
>>>>>>>>>>>
พี่น้องครับ เมื่อเสียงปืนดังเมื่อไร ผมจะเดินนำ
"ถ้าเมื่อไหร่ เสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้อง เดินเข้ากรุงเทพทันที"
นี่คือคำพูดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่พูดโฟนอิน กับ ชาวเสื้อแดง เมื่อ 30 มี.ค. 2552
อ้างอิง วิวาทะ V2
พลังแค้นแน่นอกราชประสงค์แดนสังหารประชาชน
* เงียบมาตลอด พออียูมา อีปูเริงร่า ....ปชส ของ พรรคชินดาวงศ์ กินขาด พรรค ปชป
บีบีซีไทย - BBC Thai
ถูกใจเพจนี้ • เมื่อวานนี้ •
ผู้แทนรัฐสภายุโรปย้ำ รัฐบาลไทยต้องเปิดให้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญอย่างเสรี ไม่เช่นนั้นการปรองดองจะไม่เกิดขึ้น
คณะสมาชิกรัฐสภายุโรป นำโดยนายแวร์เนอร์ ลันเก้น ประธานกลุ่มความสัมพันธ์กับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียน (DASE) พร้อมด้วยคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนแห่งรัฐสภายุโรป รวม 8 ราย เข้าพบตัวแทนจากกระทรวงต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย รวมถึงคณะกรรมการการต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แกนนำของพรรคการเมืองหลักในไทย รวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรี 2 ราย ได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 ส.ค. นี้
นายลันเก้นกล่าวย้ำว่า การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการดำเนินตามแผนสู่ประชาธิปไตยของรัฐบาลไทย จะต้องเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดต้องสามารถอภิปรายถกเถียงถึงข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างเปิดเผย ครอบคลุม และมีเสรีภาพ การออกกฎหมายที่ระบุว่าผู้วิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญอาจถูกลงโทษ จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกรัฐสภายุโรปค่อนข้างกังวล เพราะอาจทำให้ตีความไปได้ว่า กระบวนการลงประชามติไม่มีเสรีภาพเพียงพอ และการปรองดองไม่อาจจะเกิดขึ้นได้หากไม่มีการเคารพความคิดเห็นของคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบจากการลงมติของประชาชน จะมีมาตรการคว่ำบาตรไทยหรือไม่ นายลันเก้นระบุว่าจะต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง และหารือกับตัวแทนสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากสมาชิกสภายุโรปไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ พร้อมย้ำว่าสมาชิกสภายุโรปเข้าใจดีว่า ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์และธรรมเนียมปฏิบัติของตนเอง และไม่คิดที่จะชี้นำในเรื่องใด
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภายุโรปเกรงว่า รัฐบาลทหารอาจยื้ออำนาจและทำให้ประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว ทั้งการที่ประเทศไทยมีแนวโน้มว่าจะถูกกองทัพแทรกแซงในทุกครั้งที่เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในขึ้น ก็ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความหวังว่า ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยได้ในที่สุด โดยประเมินจากการพูดคุยกับตัวแทนฝ่ายต่าง ๆ ของไทย พบว่าแต่ละฝ่ายมีความตั้งใจที่จะผลักดันกระบวนการปรองดอง รวมถึงพยายามสานต่อด้านความร่วมมือต่าง ๆ ตลอดจนต้องการรื้อฟื้นการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ที่หยุดชะงักไปนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารปี 2557
ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่รัฐบาลไทยและสมาชิกรัฐสภายุโรปได้หารือกันนอกจากนี้ ได้แก่ การสานต่อความร่วมมือด้านการแก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับใช้แรงงาน การทำประมงผิดกฎหมาย สถานการณ์แรงงานข้ามชาติ และปัญหาการค้ามนุษย์
จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
แค่ทำเพจล้อเลียน "ประยุทธ์ จันทร์โอชา"
Last edited by linc49 (May 20, 2016 9:59 AM)
Offline
* เหมือนชกคนละมุม ทั้งที่อยู่พรรคเดียวกัน ...คนแรก ควรหันไปบอกเจ้าของพรรคดีกว่าไหม!? .. ส่วนคนที่สองก็เลียทั้งสองด้านเลย ตั้งแต่ที่ไม่ดำเนินการเรื่อง ICC ตามนายที่โบ้ยอย่างไม่มีเหตุผลมาแล้ว ..ใครเป็นใคร..ข่าววันนี้ในกะลาแลนด์ ...ตามนี้...
http://www.thairath.co.th/content/627934
........วรชัย ควรบอกให้นายส่องกระจกดูตนเองอย่างพิจารณาบ้างนะ...อย่ามัวแต่สร้างภาพสวยหรู หลอกชาวบ้านอยู่นะ อายกันบ้าง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 พ.ค. 2559 21:17
"วรชัย" เตือนนักการเมืองอย่ารีบลงเลือกตั้ง ถ้าได้กติกาที่ไม่เป็น ปชต. หวั่นไม่พ้นวังวนอุบาทว์ โดนยึดอำนาจ เกิดความขัดแย้งซ้ำอีก
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 59 นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจและเผด็จการมักจะออกมากล่าวหาว่า นักการเมืองมีแนวคิดอยากลงเลือกตั้งเพื่อเข้ามาหาประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาใส่ร้ายนักการเมืองมาตลอด จึงอยากเตือนนักการเมืองทั้งหลายว่า อย่ารีบอยากลงเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว อย่าทำตัวให้เข้าทางตามที่ผู้มีอำนาจโจมตี ไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงเคาะกะลาแล้วต้องวิ่งเข้าใส่ แต่ขอให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ รวมทั้งศักดิ์ศรีความเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย เพราะหากต้องเลือกตั้งภายใต้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ตอบโจทย์ของประเทศ ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
"เราเคยมีประสบการณ์มี นายกฯ คนนอก มาแล้ว ก็เห็นกันอยู่ว่าประเทศเป็นอย่างไร หากเลือกตั้งภายใต้กติกาแบบนี้ เราจะได้รัฐบาลผสมที่อ่อนแอ จะเกิดการต่อรองซื้อขายตำแหน่งอย่างแน่นอน การทุจริตคอร์รัปชันยังคงอยู่ รัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ และทหารจะเข้ามายึดอำนาจอีก ท้ายที่สุดวงจรอุบาทว์ก็จะกลับมา ดังนั้นขอให้นักการเมืองคิดใหม่ อย่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น" นายวรชัย กล่าว
........
http://www.matichon.co.th/news/152848
......เกิดมาเลีย ทุกทางตามแบบนายว่างั้นเถอะ ใครจะเสียหายไม่สน ขอแต่ประโยชน์พวกตน
สุรพงษ์ จี้ รบ.แก้ปัญหาปากท้อง แนะ ปรับ ครม.หากทำงานไม่ตรงเป้า
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า กรณีชาวนา จ.กำแพงเพชร ผูกคอตายเพราะประสพปัญหาภัยแล้ง ไม่มีน้ำปลูกข้าว และไม่มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนาและชาวสวนโดยด่วน อยากให้รัฐบาลใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกปีเศษ รีบปฎิรูปการเกษตรของไทยให้ดี ที่คนเข้ามานั่งในสภาปฏิรูปประเทศ(สปท.) แสดงวิสัยทัศน์แบบเลอเลิศ แต่ประชาชนที่รัฐบาลบอกว่าไม่ใช่รากหญ้าอีกแล้วกำลังอดโซ หิวโหย ไม่มีเงิน รัฐบาลต้องหาทางแก้ไขให้ได้ จะนิ่งดูดายอยู่อีกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หากถ้ารัฐมนตรีกระทรวงใดทำงานไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องรีบปรับ ครม.
Last edited by linc49 (May 29, 2016 10:28 AM)
Offline
* ย้อนกลับไปดูต้นเรื่อง นี้ ตั้งแต่ 2546 การให้สัมปทานในสมัยนายกทักษิณ.. #13 ในกระทู้นี้
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/b … t_836.html
วันเสาร์, พฤษภาคม 28, 2559
ภาพ: 30 มี.ค.59 ศาลจังหวัดเลยมีคำพิพากษาสั่งยกฟ้องในคดีป้ายซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้านและบริเวณหมู่บ้านค้านเหมือง
จากเว็บ 'นักข่าวพลเมือง' เรื่อง "ฅนรักษ์บ้านเกิดฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 3 ล้าน คดีเหมืองทองฟ้อง 50 ล้าน ติดป้ายไม่เอาเหมือง" (http://www.citizenthaipbs.net/node/8933)
27 พ.ค. 2559 ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน อ.วังสะพุง จ.เลย มอบหมายให้ตัวแทนชาวบ้าน 6 คน ที่เคยตกเป็นจำเลยในคดีที่ถูกบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องกรณีป้ายค้านเหมืองที่ซุ้มประตูทางเข้าและบริเวณหมู่บ้าน พร้อมด้วยทีมทนายความและนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยื่นฟ้องกลับต่อบริษัท ทุ่งคำ จำกัด
หลังจากเมื่อวันที่ 30 ѬE0.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดเลยมีคำพิพากษาสั่งยกฟ้อง โดยศาลเชื่อว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบจริง แม้ไม่มีหน่วยงานใดระบุอย่างชัดเจนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมาจากเหมืองก็ตาม ชาวบ้านสู้อย่างสุจริตและชอบธรรมเป็นไปตามครรลองคลองธรรม (คลิกอ่านข่าว: ‘สู้อย่างสุจริต’ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีป้ายซุ้มประตู ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’)
คดีดังกล่าว สืบเนื่องจากกิจกรรมของชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ที่ได้ร่วมกันทำซุ้มประตูทางเข้าหมู่บ้าน และติดป้ายระบุข้อความว่า ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ รวมถึงได้ติดป้ายเล็กๆ โดยมีข้อความว่า ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ และ ‘ปิดเหมืองเพื่อความสงบสุขของชุมชน’ บริเวณรอบหมู่บ้าน เมื่อปี 2558 ซึ่งบริษัท ทุ่งคำ จำกัด กล่าวหาว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 คน จงใจละเมิดต่อบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย จึงเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี จากเงินต้น และให้ชาวบ้านรื้อถอนป้ายดังกล่าว
เพจเฟซบุ๊ก เหมืองแร่ เมืองเลย V2 รายงานว่า วันนี้ (27 พ.ค. 2559) กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจึงตัดสินใจฟ้องกลับ บริษัททุ่งคำ เรียกค่าเสียหายที่ทำให้ชาวบ้านเสียชื่อเสียงและเสียเวลา รวมค่าเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ณ ศาลจังหวัด
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฟ้องกลับบริษัททุ่งคำ จำกัด เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ฟ้องร้องทั้งคดีแพ่งและอาญาต่อชาวบ้านหลายสิบคดี ซึ่งส่วนใหญ่เสมือนเป็นคดีกลั่นแกล้ง หรือแกล้งฟ้องให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย เสียพลังใจ และความรู้สึก การที่ชาวบ้านฟ้องกลับย่อมมีความหมายที่สำคัญในเรื่องสิทธิโดยสุจริตใจของชาวบ้านในการปกป้องรักษาบ้านเกิดเจ้าของ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เฉพาะในช่วงเดือน พ.ค.นี้ ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ต้องขึ้นศาลในคดีที่ถูก บริษัททุ่งคำ จำกัด ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง คือ
1.วันที่ 17-18 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดสืบพยานคดีบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้อง นายสมัย ภักดิ์มีประธานสภา อบต.เขาหลวง ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.687/2558 ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับกรณีการไม่บรรจุวาระการขอใช้พื้นที่ป่าไม้เข้าที่ประชุม สภา อบต.เขาหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ก.ค. 2559
2.วันที่ 23 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้อง นายสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.244/2559 ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับกรณีการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ และถอนการขออนุญาตใช้พื้นที่ สปก.ของบริษัทฯ ออกจากวาระการประชุมสภา ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ในวันที่ 29 มิ.ย. 2559 เวลา 09.00 น.
3.วันที่ 24 พ.ค. 2559 อัยการนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี ในคดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด แจ้งความดำเนินคดีต่อนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และนางพรทิพย์ หงชัย ด้วยข้อกล่าวหาคดีอาญา บุกรุกพื้นที่ภูซำป่าบอนโดยปักธงเขียวและข้อความ ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ อัยการรับฟ้องเป็นคดีดำที่ อ.1905/2559 นัดพร้อมวันที่ 13 มิ.ย. 2559
4.วันที่ 31 พ.ค. 2559 ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ. 2991/2558 หมายเลขแดง อ.3992/2559 ที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องนายสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง และนายกองลัย ภักมี ผู้ใหญ่บ้านบ้านนาหนองบงหมู่ที่ 3 เป็นจำเลย ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการก่อสร้างซุ้มประตูและติดป้าย ‘หมู่บ้านนี้ไม่เอาเหมือง’ คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องเพราะคดีไม่มีมูล แต่ทางโจทก์อุทธรณ์
นอกจากนั้น ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษาคดีความของชาวบ้านจากเหตุการณ์ปิดล้อมชุมชนเพื่อขนแร่เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 คดีหมายเลขดำที่ อ. 5440/2557 พนักงานอัยการเป็นโจทก์ นายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ กับพวกรวม 9 คน เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พันโท ปรมินทร์ ป้อมนาค และพล.ท.ปรเมษฐ์ ป้อมนาค จำเลย ในความผิดอาญาข้อหา ทำร้ายร่างกาย กักขัง หน่วงเหนี่ยว ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
คดีดังกล่าวศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา จากวันที่ 16 พ.ค. 2559 เป็นวันที่ 31 พ.ค. 2559 โดยให้เหตุผลว่า สำนวนอยู่ที่สำนักอธิบดีภาค 4 ยังไม่ส่งกลับมา เนื่องจากว่าช่วงที่ผ่านมามีวันหยุดเยอะและตรงเสาร์อาทิตย์ (คลิกอ่านข่าว: เลื่อนอ่านคำพิพากษา ‘คดีปิดล้อมชุมชนขนแร่’ ไป 31 พ.ค.นี้ ฟังผลพร้อม ‘คดีฟ้องอาญากรณีชาวบ้านทำซุ้มประตู’)
Offline
มันไม่สนหรอกปึ้ง นั่นคือเป้าหมายมัน ทำเป็นไม่รู้ทำไม
Offline
กลัว ......งู..... โผล่......นะ .....นาย......
เป่าปี่ งู แขก
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=51m-yFShHbY[/embed]
โอ้ละหนอ...My Love - เบิร์ด ธงไชย【OFFICIAL MV】GMM GRAMMY OFFICIAL
ใบตองแห้ง - "อีปู" ต้องมีออร์แกไนเซอร์แน่เลย พอส่งสัญญาณมือ ก็ให้นักเรียนทุกคนร้องกรี๊ดดดดด 555
ดูชุดก็รู้ละ..มีออร์แกไนเซอร์จัดให้สีเสื้อแดงคอนทร๊าสกับเหล่าบริวารจริงๆ..เฮ้อ..มาหลอกเด็ก ม.ต้น.... 555555
ซึ่งเป็นคนละเรื่อง (แต่แท้จริง) เดียวกัน ดังคอมเม้นต์ของ Jonathan Head @pakhead บนทวีตภพ ว่า
“She can still wow a crowd. No mention of politics or referendum on this trip, but this still felt very political.” (เธอยังเรียกความตื่นเต้นจากมวลชนได้เยอะ แม้ไม่ได้พูดถึงการเมืองเลยสักนิด ก็ยังรู้สึกเหมือนสัมผัสการเมืองตรงๆ)
http://thaienews.blogspot.com/2016/06/blog-post.html
วันพุธ, มิถุนายน 01, 2559 * คสช จะไม่รู้เรื่องเลยหรือว่าการหาเสียงความนิยมให้คงอยู่เป็นการเมืองตรงๆ
* หลากหลายแหล่งที่มา + Thaienews ... ขำๆ มีภาพจริง(ตามความเป็นจริง)..และภาพปลอม(สร้างภาพ) 55555
....................
ถึงตา ‘สลิ่มตัวพี่’ บางทีเรียก ‘เหลืองรุ่นน้า’ ออกมากระซวก คสช. บ้างแระ
http://thaienews.blogspot.com/2016/05/b … t_114.html
วันอาทิตย์, พฤษภาคม 29, 2559
อะฮ้า เครือข่ายปฏิรูปของขึ้นกันใหญ่ วันก่อนไกรศักดิ์ วันนี้หมอประเวศ เฉาะโชะ คสช. ให้บ้าง ไม่ถึงกับดังโพละก็เถอะ
http://thaienews.blogspot.com/2016/06/blog-post.html
วันพุธ, มิถุนายน 01, 2559
Neay_SpringNews @neay_Springnews 8 ชม.8 ชั่วโมงที่ผ่านมา
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เข้ากราบขอพรวันเกิด สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ยืนยัน ไม่มีการหารือถึงคดีความพระธัมมชโย
Last edited by linc49 (June 2, 2016 10:19 AM)
Offline
กลับบ้านเลี้ยงหลานเถอะลุง
Offline