You are not logged in.
ยอมแพ้แล้ว เพียงโดนหมัดแย้ปเบาๆสองครั้ง ก็ยกธงขาว
เป็นที่น่าอดสูยิ่ง ไม่น่าเชื่อหูและตา ว่าเป็นไปได้ง่ายๆถึงเพียงนั้น
แกนนำประกาศยุติยอมแพ้การชุมนุม ตั้งแต่ 1530 น.วันนี้ที่ 22 พ.ค. 2018
https://youtu.be/hG7m9ypMKxM?t=196
พูดอะไรไม่ออก บอกไม่ถูก ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาก่อนสองวันว่าจะรายงาน
เรื่องนี้อย่างสุดฝีมือ เพราะอยู่ไกลต้องคอยฟังจากหลายแหล่งข่าว ตลอดวันและคืน
ขอจากลาไปนอนก่อนด้วยความสุดเศร้า
จบจากคณะเด็กกลุ่มนี้แล้ว คงต้องสอึกสะอื้นไปอีกนาน
สว้สดีครับ
Last edited by ปาปียอง (May 22, 2018 3:00 PM)
Online
อ.หวาน ปลอดภัยหรือเปล่า ใอ้พวกเหี้ยนี่มันอำมหิตเกินคน
สาร์นรายละเอียดที่เฟสบุค(Facebook)ทำกับโลกมา อันตรายยิ่ง
ทุกวันเราไม่สามารถเลี่ยงจะใช้สื่อมีเดียเฟสบุคไปได้ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกและมีคนเล่นกันด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ติดต่อกับโลกกว้าง หรือโลกมนุษย์นั้นช่างเป็นเครื่องมือที่แสนมหัศจรรย์แห่งยุค แต่ในทางปฏิบัติที่เป็นผลประโยชน์ของเจ้าของ นายมาร์ค ซูเกอร์เบอร์คอย่างมหาศาลนั้น คือการขายข่าวสารไปหาลูกค้าที่ส่วนใหญ่คือพวกทำกิจการทางการค้า โดยใช้โปรแกรมที่เรียกว่า"ปัญญาประดิษฐ์-Artificial Intelligence" ซึ่งสามารถรู้ข่าวสารว่าใครเป็นผู้สนใจในตัวสินค้าอะไร ชนิดไหนบ้าง แล้วโหมโฆษณา"เร่งเร้า-stipulating"สินค้านั้น โดยสอดคลิบเล็กๆเข้ามาโฆษณาให้ได้เห็น การผ่าน"ชิ้นส่วนข่าว-data"หวังผลทางการค้านั้น ย่อมไม่ใช่ทางเลวร้ายต่อใครสักคน แต่การสะสม(accumilation process)ข่าวสารในตัวบุคคลมากขึ้นๆทุกวัน หรือทุกครั้งที่ใช้นั้น หาก"หน่วยข่าวลับ-" ของรัฐบาลที่มีอิทธิพล บังคับให้เฟสบุคยอมปล่อยข่าว"รั่วข่าว-leak" ให้พวกเขา ลองนึกภาพดูว่าใครสักคนหนึ่งที่ใช้บริการเฟสบุค จะไม่รู้ตัวเลยว่าข่าวชีวิตประจำวันของตน จะถูกจนท.ข่วงลับ(intelligent officer) เขาเก็บเอาไปได้หมดโดนผู้นั้นไม่ทราบเลย
อ.หวานขยายผลให้เพื่อนๆทราบรายละเอียด และตัวอย่างข่าวสารของกลาแลนด์ว่าเป็นมาอย่างไรเกี่ยวกับเฟสบุค และยูธูป ซึ่งดูเหมือนเราจากเลี่ยงไม่ได้ต่อชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว เพียงแต่ให้เพิ่มความระมัดระวังตัวให้ดีพอ ต่อข่าวสารที่เพื่อนๆจะใช้หรือติดตามรายการต่างๆ เพื่อเป็นการป้องกันตัวไว้บ้าง...."แร้วมันไม่ลืมนก" ..."เบ็ดไม่เคยลืมปลา" ใช้เป็นคติประจำใจ ในการใช้เฟสบุค ยูธูป และแมสมีเดียทั้งหลายประจำวัน.
..อวตาร อวตาร ซูเปอร์อวตาร ใช้เป็นเครื่องรางของขลังไว้ป้องกันตัว......ก็ไม่ผิดกติกาอันใด
เชิญชมเลยครับhttps://youtu.be/acaxma0AI9A?t=2296
ส่วนข้อกังขาว่าตอนนี้พวกต่อต้านออกข่าวโจมตีประจำวัน ระหว่างจะตีคสช.ดี หรือจะมุ่งตีแต่พวกเจ้านั้น น่าจะเลือกได้ตามใจชอบตามอัธยาศัย เพราะการใช้น้ำลายหลังไมค์อย่างเดียว โดยไม่กล้าทำกิจกรรมเป็นรูปธรรม ในการต่อสู้นั้นๆ ย่อมไม่ค่อยมีคุณค่าในการต่อสู้สักเท่าใด และที่ร้ายคือการรวมกลุ่มโจมตีกันเองมากมาย เกะกะน่ารำคาญไม่น้อย แต่กรุณาหยุดคิดสักนิดว่าใคร? กลุ่มไหน? ทำงานให้ใครต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ แยกมิตรแยกศัตรูให้ดีก็แล้วกัน ที่เป็นขยะ น่าจะอันตราย กวนตีนให้เสียเวลา ..ก็ต้องทิ้งไป
ขอบคุณครับ
Offline
[embed]https://www.youtube.com/watch?v=6tWao-CtSzY&feature=youtu.be[/embed]
Offline
จบเรื่องสตาร์วอร์?
https://youtu.be/GAwmBOUE7YQ?t=245
ภาพน้องหมอบก้มกราบเท้าพี่ ชี้ให้เห็นการปรองดองเรื่องสตาร์วอร์
พี่น้องจึงใช้ตำรวจกองปราบพิเศษ ตีขนดหางคสช.โดยจับสมีอัณทะอิสระ
โดยมิปราณีกันอีกต่อไป อ้ายป้อมออกมากะลิ้มกะเหลี่ยว่าพระก็มีโทษหาก
โกง (ยกเว้นมันมีนาฬิกาหรู 28 แปดเรือน มันเตรียมหนีนานแล้ว.. โดนแน่ๆ)
เรื่องอ้ายตูบกำลังขมักเขม้นจะตั้งรัฐทหาร โดยให้ทหารมียศพลตรีมีศักดิ์
เท่าอธิบดี เข้าสรวมตำแหน่งทางราชการ โดยเฉพาะทางมหาดไทยทุกหัว
ระแหง ทหารจะเข้ายึดเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอสำคัญ เข้า
ครอบทั่วประเทศ พวกเจ้าเฝ้ามองดูอยู่อย่างกังวล
น่าสนใจไหมที่เวลานี้ศาลได้ประทับรับฟ้องว่าคสช.เป็นกบฎแล้ว พวกเจ้า
เดินหมากเร็วมาก หลังจากสมีสุวิชช์ อาจจะเป็นอ้ายเมือก หรือตัวแสบๆทั้ง
เหลืองและแดงที่กำลังรับใช้คสช.อยู่ตอนนี้ด้วย
https://scontent-dfw5-1.xx.fbcdn.net/v/ … e=5B819322
และอ้ายตูบประกาศยกเลิกไปบร้สเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม(เป็นบก.ของเนโต-NATO) กลัวถูกต้อน
จากการซักถามของสภาอียู(EU) และคุณเล็ก อั้ม จรัลและนักปฏิวัติในยุโรปสำคัญ เตรียมลับมีดคอยเชือด
อ้ายตูบ โดยไปยกป้าย ตะโกนประท้วงหน้าที่ประชุม และจะเดินบนถนนที่นี่ประจานต่อโลกแน่นอน
ใครดีใครอยู่ระหว่างคสช.และเจ้าสองพี่น้อง เป็นตัวโจทย์ ให้เพื่อนๆ ได้ขบคิดกันในวันหยุด
สุดสัปดาห์ .....การณ์น่าจะเป็นไปในทางนั้น
.....เป็นเกมส์สำคัญมากในเดือนพฤษภาอาถรรพ์นี้
"เผด็จการต้องพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ"
สวัสดีครับ
Last edited by ปาปียอง (May 28, 2018 11:32 AM)
Online
เปิดตัวคณะกรรมการบริหารพรรค"อนาคตใหม่"แล้ว
https://youtu.be/Ae9mcKy29eI?t=180
มีการโหวตต่อตำแหน่งต่างๆ และมีบุคคลน่าสนใจเข้าร่วมมากมาย
ขอแสดงความยินดีที่เอาอดีตพลโท พงศกร รอดชมภู เข้ามาเป็น
รองหน.พรรคคนหนึ่งด้วย
ทีมและนโยบายกว้างๆของพรรคน่าสนใจมาก และอาจกลายเป็นเต็งหนึ่ง
ได้ในที่สุด ในกรณีย์หากพรรคเพื่อไทยเกิดเป็นอะไรไป
ผู้คนอยากเห็นฝีมือของพรรคนี้ อย่างใจจดจ่อไปตลอด และมีความ
คิดว่า พรรคและบุคคลกลุ่มนี้ เป็นของขวัญต่อคนไทที่ล้ำค่า ในยาม
ประเทศตกยากในทุกทางขณะนี้
เป็นสิ่งดีอีกเรื่องหนึ่งในเดือนพฤษภาอาถรรพ์ปีนี้
ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง
Last edited by ปาปียอง (May 27, 2018 9:20 AM)
Online
พรรคเพื่อไทยอาจเลือกสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค
ก็อาจเป็นข้อยุติให้พรรคเตรียมสู้การเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยไม่ต้องแตกกันมากนัก งานนี้นายโอ๊ค พานทองแท้ เข้ามาปราฎตัวด้วย แต่ที่น่ายินดีคือเป็นการแสดงว่า ชินวัตรนั้นไม่ใช่เป็นพรรค"ไดนาสตี้" ที่ต้องต่อเนื่องกับสมาชิกตระกูลชินวัตรอย่างเดียว ขอแสดงความยินดีด้วยที่กล้าทำ กล้าตัดสินใจ เพราะหากชินวัตรเข้ามาบริหารอีก พรรคก็คงแตกหักยับเยิน และพ่ายแพ้ในคราวนี้แน่ เพราะพรรค"อนาคตไหม่" ประกาศแน่ชัดว่าเป็น"พรรคของประชาชน"แบบตะวันตกโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ใครมีความสามารถและไดัรับความนิยมจากมวลชน และของมติพรรค ก็เข้ามารับการแข่งขันได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นของตระกูลนั้นนี่ จึงจะเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ต่อจากคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจได้ อย่างไม่มีกังขา เพราะพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เป็นของคุณธนาธรหรือของคุณปิยบุตร หรือเพียงบุคคลไม่กี่คน
เป็นความสวยงามของการเมืองแบบอเมริกา อังกฤษและยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฯลฯ และทุกประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทั่วโลกขณะนี้...การสืบทอดนั้นคือตวามน่าเกลียด เห็นแก่ตัว และความล้าหลัง โลกเขาไม่เอามาปฏิบัติอีกต่อไป
https://youtu.be/ByuRV3d4WLY?t=63
แต่ที่น่าเกลียดที่สุดคืออ้ายตูบออกมาให้สัมภาษณ์ เรื่องคุณหญิงสุดารัตน์จะบินไปหาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ที่สิงค์โปร์" ว่า"ถูกกฎหมายหรือเปล่า?"
ส่อสันดาน...อ้ายสัตว์นรกพวกจปร.....ริยำไม่สร่าง !!
Last edited by ปาปียอง (May 29, 2018 7:54 AM)
Online
คำสั่งร.สิบสั้งปลดยศชั้นพระผู้ใหญ่ห้าองค์...ยังไม่ถึงขั้นศาล..นึกไม่ถึง?
https://youtu.be/cA-B5GksAUI?t=631
https://youtu.be/8pxW0RUZ1kU?t=1725
อะไรกันนี่? ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในกลาแลนด์ ที่พรรคปฏิรูปศาสนาของไพบูลย์ นิติตะวัน นำลิ่วสุดโด่ง เหมือนจรวดคิม จองอุน ที่อเมริกาต้องขอเจรจาด้วย
เพราะไพบูลย์นี้เริ่มเปิดฉากโจมตี และต้องการกำจัตมารศาสนาพวกนี้มานานแล้ว เหมือนความคิดมหาชนที่เอือมระอา กับระบบศาสนาพุทธในประเทศนี้มาเป็นเวลานาน จนมีข่าวคอยทำลายแว่วว่านายไพบูลย์เป็นมุสลิมมาก่อน...ไปกันใหญ่เลย
แต่มาฟังอ.สุรชัยแซ่ด่าน เรื่องกลับตาลปัตรไปเลย นายตร.กองปราบเป็นพ.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล น้องชายของเลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้นำทีมเข้าจับกุมโล้นอิสระ เรียกว่ารับคำสั่งทางลัดโดยตรงจากร.สิบ เรื่องวุ่นวายในที่สุดก็เริ่มมองเห็นทางที่มา แสดงว่าพระองค์กำลังเริ่มกระชับพระราชอำนาจอย่างเห็นได้ชัด..และขั้นต่อไปจะเป็นอย่างไร? ก็มีการจินตนาการกันต่างๆนานา เรื่องการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง โดยเฉพาะเกี่ยวกับคสช. การใช้อำนาจพละกำลังของพวกทหาร-ตร. ต่อกัน อาจถึงขั้นแตกหักในที่สุด
ความจริงวันนี้ต้องการเสนอคลิปสั่งลาสุดท้ายจากรายการ"ตรงไปตรงมา" ของทีวี-24 ที่ถูกคสช.สั่งปิด ของดร.อดิสร เพียงเกษ และ"น้องปอย"-ตรีชฎา ศรีธาดา ซี่งมันส์ถึงลูกถึงคนเสมอ แต่ก็ฟังข่าวต่างๆในกลาแลนด์จนตกเย็น จนทราบว่าร.สิบเข้าร่วมสั่งลงโทษ โดยมีประกาศิตประกาศปลดพระผู้ใหญ่ที่ถูกจับ ออกจากสมณะศักดิ์ทุกท่านไปเสียแล้ว ก็ย่อมตื่นเต้นที่ทราบจุดยืนขององค์ท่าน ...ทำให้อ.ชูพงษ์ และหลายกูรูวิทยุใต้ดิน คงต้องดีอกดีใจที่คาดเหตุการณ์ได้ถูกต้อง รวมทั้งมีการคิดเลยเถิดว่าพระองค์คงคิดเล่นงานคสช.เสียที
ดูเหมือนว่าพระองค์ท่านร่วมเล่นเกมส์ในเรื่องนี้โดยตรง....เหตุคราวนี้ดูเหมือนคสช.จะหมดหวังจะฝันสืบต่ออำนาจหลังเลือกตั้ง และหรือมีหวังใดๆในอนาคตจากร.สิบอีกต่อไป... แค่นี้เอง
คลิปทีวีช่อง-24 รายการ"ตรงไปตรงมา" ตอนของประจวบ ไชยสาส์น เฒ่ามหาภัยทางการเมือง ได้ให้ความระมัดระวังในเรื่องจับพระครั้งนี้ไว้น่าฟังมากๆ ว่ามันมีแผนอันลึกซึ้งมากที่ยังไมใม่มีใครคิดว่าจะอ่านจิ๊กซอของมันออก เพราะเป็นงาน"เหนือชั้น" ที่วางแผนไว้ด้วยมือโปรแบบเหนือเมฆ หลายชั้น... แบบไม่ระแวงหวาดกลัว"กองทัพเสือเหลือง" ซึ่งเป็นกองทัพมหึมา และอายุยาวนานกว่าสองพันปีมาแล้ว โปรดระวัง หรือเสือเหลืองไทยเอาแต่"ฉันท์แล้วจำวัด"อย่างเดียว?
เราเป็นคนรากหญ้าปัญญามีแค่ขั้นพื้นฐาน เราต้องระมัดระวังอย่ากลายเป็นเครื่องมือฝ่ายใดอีก ก่อนทำอะไรออกไปช่วยข้างไหน จนมีบทเรียนให้ตัวเองสุดลำบาก และครอบครัวแตกแยกรวมกันไม่ติดมาจนปัจจุบัน เพราะเราเป็นรากหญ้าที่ยากจน มีการศึกษาจำกัด มีแต่ความจริงใจเป็นที่ตั้ง...คอยดูให้พวกมันจอมเจ้าเล่ห์และแสนกล กัดกันในการแย่งชิงอำนาจกันให้มันส์ แบบเจ็บปวดพอที่ต้องล้างแค้นต่อกันเสียก่อน
อย่ากลัวเรื่องซีเรียที่ใครที่บอกให้กลัว แท้จริงแล้วเราต้องเผาวัชพืชให้เกลี้ยง ก่อนลงหน่อประชาธิปไตยที่จะเติบโตได้สวยงาม และเราจะคอย ..คอยด้วยความหวังมาแสนนาน..เมื่อเหตุแบบ 14 ตุลา 2516 มาถึงอีกครั้ง เมื่อประชาชนออกมาเต็มถนนทั่วทุกแห่ง เราจะรีบจัดการพวกมัน คราวนี้ไม่ใช่เพียงป้อมตำรวจ ตึกอาคาร ฯลฯ แต่ถึงคิดวางแผนล่วงหน้า รีบไปให้ถึงในมุ้งมันทุกคนที่เราต้องการตัว ...และเราต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน
......เพราะเราต้องการปกครองตัวเองนั่นเอง
วันนี้ครบรอบ 57 ปีที่ครูครอง จันดาวงศ์ และครูทองพันธ์ สุทธิมาศ ถูกยิงเป้าที่สนามบินสกลนคร ทำให้การต่อสู้ของประชาชนเปลี่ยนรูปเป็นมี"วันเสียงปืนแตก" เกิดขึ้นต่อมา นั่นคือประชาชนทนไม่ไหว จำต้องสู้ด้วยอาวุธจึงเกิดขึ้น เป็นที่มาของคำว่า...
"เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ"
เป็นอมตะวาจาที่นักต่อสู้ชูเป็นคำขวัญตลอดมา
Last edited by ปาปียอง (June 1, 2018 3:49 AM)
Online
เยี่ยมครับ คุณปาปิยอง
Online
น้ำตาคางคก
มีการเสนอแนวความคิดเรื่องประกาศตั้งพรรคของคุณเมือกของสุราษฎร์ธานี และบทบาท"น้ำตา"คางคก ซึ่งบางสื่อบอกว่าเป็น"น้ำตาจระเข้" หรือเป็นจอมนักแสดงที่ฮอลีวู๊ดสนใจจะให้รางวัลตุ๊กตาทองเพราะบทหลั่งน้ำตาดูสมจริงค่อนข้างมาก ข่าวทางการเมืองที่ประเทศได้ฟังจากคางคกตัวนี้ ตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่แล้วมา เป็นเรื่องดราม่าทางการเมืองที่จะฝังดาราเจ้าน้ำตาผู้นี้ และผู้ติดตามด้วยอย่างถาวร คสช.ย่อมไม่เอาพวกที่เน่าเหม็นมาร่วมในเรือเพิ่มอีก เพราะมีตัวเหม็นๆบาดเจ็บในเรือมากมายอยู่แล้ว ก็ได้ประกาศแบบไม่สนใจคางคกบาดเจ็บตัวนี้อีกต่อไป ราคาต่อรองทางการเมืองไม่ให้ความสำคัญใดๆอีก ต่อเสนียดจัญไรการเมืองตัวสำคัญจอมกะล่อน จอมโกหกพกลมแม้ตอนห่มผ้าเหลือง เขาอาจต้องย้ายบ้านจากจ.สุราษฎร์กันคราวนี้ เพราะแบกหน้าอยู่บ้านตัวเองไม่ได้อีกแล้ว และที่สำคัญคดีกบฎกกปส.ในที่สุดอาจปิดบัญชีลงในคุกในรบ.ต่อไป
กรรมจะตามมาทันแน่นอน
https://youtu.be/HomwB_7ixhY?t=690
โปรดอ่านคอมเมนท์ต่างๆที่ยาวในคลิปด้วยครับ ของดีก็ย่อมมีผู้เข้ามาให้ความเห็นเยอะเสมอ
ขอบคุณคุณณิชชนันทน์ แจ่มดวง และวิทยากรคุณพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ด้วยครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปล.ขอสอดคลิปด่วนเรื่องผบ.ตร จักรทิพย์ ชัยจินดาและคณะตร.ไทยต้องเดินทางกลับจากประเทศเยอรมันมือเปล่า
ปราศจากพระพรหมเมธี อาจเป็นเรื่องงามหน้าต่อรบ.ไทยไม่น้อย
https://youtu.be/kSAgELMAxaA?t=422
ประเทศตะวันตกเขาไม่ทำอะไรที่ผิดกฎบัตรสถานะด้านมนุษย์ชนชุ่ยๆ แชนเซลเล่อร์ เองเจลลา เมอเคิ้ล ท่านเกิดในเยอรมันตะวันออก
ซึ่งได้รับความขมขื่นเรื่องสิทธิมนุษย์ชนมาก่อน และตัวเองต้องเสี่ยงทางการเมืองโดยเปิดประเทศรับผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ
ประเทศซีเรียถึงเกือบสองล้านตน ฉนั้นคาดว่าเจ้าคุณพรหมเมธีเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้เป็นผู้ร้ายที่ศาลพิพากษาแล้วว่ามีความผิด
ส่วนท่านจะมีอีหนู 5 หรือ 10 คน หรือมีเงินซ่อนไว้100-300 ล้านนั้น เป็นอีกเรื่องส่วนตัวอื่น ที่ไม่ได้ลดค่าความเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิที่ต้องการแสวง
หาที่ลี้ภัยเพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง
และหวังว่าพระพรหมเมธีไม่ไปลี้ภัยและสร้างวัด และให้สีกาเปิดกิจการโกรเซอร์รี่ไทยขายกะปิน้ำปลา-ปลาร้าปลาเจ่า ที่แคว้นบาวาเรีย หรือใกลัเมืองมิวนิคนะครับ
เพราะคงมีกลิ่นทั้งหอมยั่วยวน(และเหม็น)...ไปทั่วในละแวกนั้น
คงสนุกกันใหญ่เลยทีเดียว
สวัสดีครับ
Last edited by ปาปียอง (June 5, 2018 11:01 AM)
Online
ทักษิณพบอ้ายตูบที่ลอนดอน?
https://youtu.be/7OIijfzB8tg?t=927
https://youtu.be/JDvddcKeGyw?t=218
https://youtu.be/9UO3N2jEs54?t=14
เหมือนคราวไปปักกิ่งกับนายกยิ่งลักษณ์ที่กำแพงจีนที่ใกล้ปักกิ่งเมื่อสองปีก่อนพบหมูตอน และพบกับผบ.ทบ เฉลิมชัย สุทธิศาสตร์ที่สิงคโปร์เมื่อไม่นานมานี้.
..เออ น่าสนใจทีเดียวและคงไม่ใช่เหตุบังเอิญ(co-incident)มาตลอด ก็เลยนึกถึงคลิปคนตัวเล็กๆคือ"ลุงไม้สี่ และหลานอาเธอร์" พูดเอาไว้ เรื่องการหนีของคุณ
ยิ่งลักษณ์ว่า คสช.ที่แท้เป็นผู้ช่วยให้หนีได้ แสดงให้เห็นว่ากลาแลนด์นั้นยิ่งกว่าสามก๊กเสียอีก โดยเจ้าและอำมาตย์ไทยใช้กันมาตั้งแต่ร.สองที่ได้มีการแปลวรรณ
กรรมเรื่องนี้มา ซึ่งผิดๆพลาดๆมาจนถึงสมัย"ยาขอบ" โชติ แพร่พันธุ์ ผู้ยิงใหญ่ในวรรณกรรมในอาณาจักรสยาม ผู้เป็นนักประพันธ์ที่ถ่อมตัวเองว่าเป็น"วณิพก" โดย
ไปค้นคว้าจากต้นฉบับภาษาอังกฤษของบรีวิท เทเลอร์(Brewitt Taylor) จึงได้ทราบความจริง ทราบต่อมาว่าราชวงศ์จักรีและเซียนกุมารจีนผู้กุมพลังในกลาแลนด์
ล้วนเอาสามก๊กมาขยายความ ประยุกต์ใช้จนสามารถกุมอำนาจ และมีพลังครอบทางเศรษฐกิจของกลาแลนด์แบบถาวร พสกนิกรล้วนเป็นทาสพวกเขาตลอดไป
และเมื่อบ้านเมืองยามไม่มีขื่อมีแปมาตลอดเช่นนี้ ความรู้เรื่องสามก๊กนำออกมาใช้เป็นตำรา จากจินตนิยายอิงประวัติศาสตร์สนุกสนาน กลายเป็นเครื่องมือใช้ทำลายชาติ ทำลายศัตรู
ศิลปะในการปรองดองยอมความ(คอร์รัปชั่น) ทรยศหักหล้ง อาฆาตล้างแค้น เยาะเย้ยถากถาง ใช้ยุธวิธีและยุทธศิลป์มุ่งร้ายต่อกันในทุกตอน จึงเป็นยุคมืดมากในสมัยนั้น
มาสามสี่ชั่วคน สามก๊กไม่เคยเห็นแก่คนชั้นต่ำ แม้ผู้หญิง หรือความรัก ตัวประกอบอื่นล้วนเป็นเพียงข้าทาสใช้เป็นแรงงาน และทหารเลว(อ้ายเณรของกองทัพไทย) ใฝ่แต่เรื่องรบหักล้าง
ทำลายกันเป็นที่ตั้ง
...รากหญ้าอย่างเราความรู้ความสามารถยากไร้ จะมีอะไรมาเทียมเท่าใครในชั้นปกครอง แต่ขอภาวนาว่าควรมีสมอง ที่จะรู้ทันและคิดสู้เพื่อเป็นอิสระภาพ มีเสรีภาพที่จะปกครองตัวเอง
นั่นคือการได้ประชาธิปไตย ซึ่งคำนี้อยู่แต่ในพจนานุกรม(ไทย)... และหลายคนคิดว่าเรามีและเข้าใจมัน แต่ล้วนถูกหลอกจากการใช้เล่ห์กระเท่ห์จากกรรมวิธีสามก็ก
หลอกเราได้มาตลอดต่างหาก
สักวันหนึ่งเราจะได้ปกครองตัวเองในที่สุด ความลับดำมืดมาย่าง 236 ปีของจักรีก็ถูกเปิดเผย..
เรื่องความลับของชินวัตรนั้นเป็นเพียงเรื่องขี้ปะติ๋ว เสี้ยวเล็กนิดเดียวของเวลา อีกหน่อยก็คงถูกลืม
เพราะชินวัครไม่เคยคิดสู้อย่างตรงหน้า มีแต่ชักไยความวุ่นวายจากนอกรั้วบ้าน และไม่ทำให้เกิดประ
โยชน์ใดๆต่อประเทศ มีแต่จะเพิ่มความเสียหายมากยิ่งขึ้น
..ใครๆก็พากันตายกันหมดแล้ว มาถึง สังวาลย์ พี่สาว และภูมิพล อีกหน่อยคงเปรม เสี่ย และฑีปังกรณ์ ..และ..ฯลฯ
เราจะยอมทนอยู่กับสภาพหลอกตอแหลโกหกปิดบังจากทุกฝ่าย(แม้พวกเดียวกัน) ใช้ชั้นเชิงลวดลายใส่กัน แบบนี้ตลอดไปหรือ?
..รอสั่งสมชัยชนะ ด่าแม่พวกมันจากไกลๆกันต่อไป มีแรงจะตะโกนด่าต่อไหวไหมนี่?
เปลี่ยนวิธีการต่อสู้ได้แล้ว อย่าเชื่อว่าแมวออกลูกเป็นหมา หรือสิ่งประหลาดตามหน้าไทยรัฐ-เดลินิวส์ แล้วเอาไปแก้เป็นเลขไปเล่นหวยเป็นประจำวัน
แต่กลับมาเล่นแมสมีเดียที่สวรรค์ส่งมาให้ใช้เป็นอาวุธแก่มวลมนุษย์ไว้ร่วมป้องกันตัวเอง และต่อแต่นี้อย่าเชื่อใครนอกจากเอาไว้ชมตัวเอง
..ความหวังในชีวิตก็จะค่อยๆปรากฎบังเกิดขึ้นเอง
โชคดีครับ
https://youtu.be/rWErj2Hq60k?t=420
Last edited by ปาปียอง (June 8, 2018 1:20 PM)
Online
ผมเห็นด้วยกับสหพันธรัฐ มันผิดใหมครับ เอาตรงๆเลย
Online
สิงห์คืนถ้ำ
https://youtu.be/Kb2T_Rw6oIE?t=508
จ้าวแห่งสัตว์คืนป่า เป็นภาพที่คนไทน้ำตาไหล สมยศ พฤกษาเกษมสุข ไม่หนีใครไปไหน เขาจะเป็นผู้นำที่ทรงคุณค่าของเราคนหนึ่งอย่างไม่มีคำโต้แย้ง ผู้คนจะเดินตามหลังเขาทวีมากขึ้นทุกวัน อย่างไม่ต้องสงสัย
..ลีลาท่าทางความเชื่อมั่น ด้วยทรงผมเกรียนติดหนังหัว ช่างสง่างาม เป็นขวัญใจ และเป็นบิดาแห่งความหวังต่อพสกนิกรที่หมดหวังมานานแล้ว เขาไม่เคยอ่อนน้อมต่อความไม่จริง ยอมฉลาดน้อย ติดคุกให้เต็ม แม้สุดทรมานตามที่พวกทรราชมันปรารถนา โดยไม่เคยขออภัยโทษ ให้ได้ลดโทษ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ค่าของการเป็นผู้นำที่แท้จริงอยู่ตรงนี้เอง
ขอแสดงความยินดีด้วยอย่างสุจริตและเคารพอย่างท่วมหัวใจ ต่อผู้นำใจเพชร สมยศ พฤกษาเกษมสุข ท่านนี้
...หลังจากวันที่ 6 เมษายน เมื่อ 236 ป๊ทื่แล้ว...บัดนี้สมยศ พฤกษาเกษมสุชพิสูจน์ว่า.. กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี
Last edited by ปาปียอง (June 8, 2018 2:13 PM)
Online
การกลับมาของสมยศ พฤกษาเกษมสุข
https://youtu.be/O2sMQx1P4g0?t=1390
หลังจากพักฟื้นที่ได้ออกจากคุกไม่ถึงสี่เดือน หลังจากติดคุกมาเจ็ดปีกว่า โดยมิยอมร้องขอลดหย่อนผ่อนอภัยโทษ ไม่ยอมรับผิดใดๆต่อข้อกล่าวหาจากพวกทรราช ครอบครัวคุณสมยศบอบช้ำมาก ส่วนเขาเป็นยอดมนุษย์ชนิดเป็นเหล็กกล้า ที่ไม่ยอมงอแต่ยอมหัก ย่อมนำมาถึงความชอกช้ำต่อลูกเมีย ผู้เป็นที่รักและผู้ใกล้ชิดย่อมเป็นธรรมดา สมัยก่อนพวกมันตัดหัวกันเจ็ดชั่วโฆตร เพื่อนๆลองหลับตาดูว่า มันสุดโหดร้าย ข่มขู่ให้หวาดกลัว มันแสนอุบาทว์ขนาดไหน ที่พวกทรราชวางแผนควบคุม และทำลายประชากรตัวเองมายาวนาน ใช้ระบบข้าทาสและแม้แต่พวกไพร่ก็ไม่ละเว้น นั่นคือการตกเป็นทาสพวกมันตลอดกัลปวาสาน ตลอดไป
แผ่นดินผืนนี้ช่างโหดร้ายจริงหนอ หลายชีวิตที่พยายามต่อต้าน หรือเพียงเรียกร้องหาสิทธิเสรีภาพ อันเป็นสิทธิมนุษย์ชนขั้นมูลฐาน ของมนุษย์ชนสากลทั่วโลกเขามีกัน กลับถูกทำร้าย ขังคุก ตบตี ทรมาน กลั่นแกล้งให้ชีวิตต้องมีอันเป็นไป ครอบครัวแตกหัก ตรอมตรม ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกทับถมเป็นทรากเศษธุลีดินของสังคมอันไร้คุณค่า คนแล้วคนเล่า
...เพลงแร้ปเด็กวัยรุ่นที่กำลังระเบิดขึ้นมา "ประเทศกูมี" ช่างเป็นนิมิตดีที่พวกนักปฏิวัติควรเกาะติด และรีบยกระดับไปจนสุดยอด มวลชนพร้อมแล้ว พวกแกนนำควรรีบจัดตั้งองค์การปฏิวัติ มีสภาปฏิวัติ มีการเลือกผู้บริหาร เป็นผู้นำของพวกเราเอง เพื่อยกระดับรองรับความพินาศอย่างจ้าละหวั่นหลังเลือกตั้ง ที่จะนำไปสู่การนองเลือดและกลายเป็นสงครามอนาธิปไตย ที่หาจุดจบไม่ได้ ดังนั้นเราควรรีบมีการจัดตั้งสภาปฏิวัติ และเป็นข้างที่จะประกาศการต่อสู้ เป็นรูปองค์การ หรือรัฐบาลเงา ที่มีการปกครองตัวเราเองเป็นรีพับลิค(REPUBLIC)อย่างด่วน ควรประกาศองค์การปฏิวัติไทให้เป็นของขวัญปีใหม่ อาจจะเป็น 1 มกราคม 2562 ก่อนการเลือกตั้ง เพื่อประกาศเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลทรราชที่กทม.ปัจจุบัน อย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ เพราะพวกมันต่างหากที่ปล้นเรามา ถึงเวลาที่เราจะเอาของของเราคืน
...การเดินทางของคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุขไปยุโรปครั้งนี้ ได้มีการประขุมกับกลุ่มคุณ จรรยา ยิ้มประเสริฐ และกลุ่มฝรั่งเศส รวมทั้งการเยี่ยมถามอาการของอ.สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล และนำข่าวมาบอกเพื่อนๆ คุณสมยศยากจะโกหกใคร ก็ได้ทราบว่าอ.สมศักดิ์เจียมที่กำลังทำกายภาพฟื้นฟูอยุ๋อย่างขมักเขม้น ว่าสมองท่านยังดีอยู่ ความจำยังแม่นยำดีมาก ก็เป็นที่อุ่นใจว่าท่านคงได้มีโอกาสกลับมาพูดให้เราฟังได้อีก และอาจปล่อยเรื่องที่(ไม่)ลับทั้งหมด ที่มีอยู่ถ่ายทอดให้พวกเราได้รู้เพิ่มมากขึ้น ตื่นเต้นหนักขึ้นไปอีก
..อ.หวานกาวใจสำคัญก็เริ่มออกคลิ๊ปเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดก็มาออกอากาศกับกลุ่มคุณเอนกและดร.เพียงดินอีก กลุ่มนี้กลับมาพูดถึงเจ้าร.สิบ หลังจากเคยไปในทางที่นึกไม่ถึงคือประกาศว่าร.สิบจะนำทักษิณกลับบ้านอยู่หลายเดือน ความเคลื่อนไหวใต้ดินกำลังเข้มข้น หลายฝ่าย และหลายท่าน ก็กำลังรอทนายประเวศ ประภานุกูล ว่าหลังจากพักผ่อนออกจากคุกแล้วจะไปทางไหน? จะไปทางอ.หวานหรือสหพันธรัฐไท แต่คงไปไม่ถึงสมาพันธรัฐไท กระมัง? ....อย่าลืมว่าอ.หวานได้มีธงชาติสวยๆ ออกแบบโดยนักต่อสู้ไว้แล้วมากมาย เพียงเอาออกมาปัดฝุ่นก็ใช้ได้แล้ว
เหมือนคราวปธน.ดร.ซูกาโนแห่งอินโดนีเซีย ประกาศอิสระภาพใหัอินโดนีเซีย หลุดจากการเป็นทาสพวกดัชทฺ์(เนเธอร์แลนด์) เหตุเกิดท่ามกลางฝูงชนที่ห้อมล้อมรอคอยวันสำคัญครั้งนี้แน่นขนัด ที่ระเบียงชั้นบนบ้านตัวเอง การประกาศอิสระภาพของอินโดนีเซียเกิดขึ้นตอนเช้าวันที่ 17 August 1945(โดยความเห็นชอบของทหารญี่ปุ่นที่เข้ามาขับไล่พวกดัชท์) โดยดร.ซูกาโนปธน.คนแรก วานดร.ฮัตตา(Hutta)มิตรคู่ใจ ตัดกิ่งไม้ข้างบ้าน เกิ่งยาวที่สุด ที่ยังคดๆงอๆ มาสรวมผูกติดธงแดง/ขาว ที่ท่านโซกาโนกำกับให้ศรีภรรยาช่วยกันเย็บมาทั้งคืน นั่นคืออิสระภาพของอินโดนีเซียหลังความเป็นทาสมา 425 ปีมาแล้ว ..... ธงชาติสาธารณะรัฐใหม่อาจารย์หวานมีมากให้เลือกกว่านี้ ..อ.หวานเตรียมตัวเตรียมใจมานานไม่แพ้ท่านดร.ซูกาโน เราพร้อมแล้ว !!
อะไรก็ต้องงวดลง(show down) หรือภาษาใหม่เรียกตกผลึก โลกเดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วมาก คนที่เคยเป็นมิตรเมื่อวานเปลี่ยนใจเป็นอื่นไปซะแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงนักการเมืองวิ่งกันเหมือนลิงจับหลัก เป็นไปตามเกมส์ที่คสช.วางไว้อย่างแยบยลให้เป็นอย่างนั้น แล้วใช้สื่อเป็นเครื่องมือ กล่าวหาว่าพวกนักการเมืองนั้นเลว สร้างแต่ความวุ่นวาย แล้วทุบโต๊ะ ยึดเอาอำนาจคืนอีก
แต่คราวนี้.....องค์การปฏิวัติไทยของเรา จะออกมาเผชิญหน้า ประกาศเข้าชนเป็นศัตรูโดยตรงกับพวกมัน เวลาการต่อสู้บนดินโดยพรรคการเมืองหวังเรื่องเลือกตั้ง ก็คงจะจบลงอย่างอลเวง ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอีกเช่นเคย และการต่อสู้ของประชาชนนักปฏิวัติ...จะเริ่มต้นที่มีองค์การ มีแม่ทัพ และกำลังพลกัน เป็นรูปขบวนการเสียที
...เราจะกำหนดการณ์เลือกตั้งพวกใต้ดินในหมู่เราทั่วโลก จัดเป็นรูปรัฐบาลขนาดฉบับกระเป๋า หรือจัดแบบขบวนการลักษณะคล้ายกับขบวนการเสรีไทยตอนกู้ชาติ เพื่อปลดแอกจากการยึดครองของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นมีนายปรีดี พนมยงค์(รู้ธ)เป็นหน.ในประเทศ และองค์การเสรีไทยโดยนักเรียนไทยและคนไทยในอเมริกาและอังกฤษ(เช่น ดร.ป๋วย-พ.ต.เข้ม เย็นยิ่ง) เป็นแกนนำแทรกซึมเข้ามาจากต่างประเทศ เข้ามาฝึกนักปฏิวัติและช่วยกันต่อสู้ แต่ของเราตอนนี้จะเริ่มด้วยพวกเราเองที่มีกำลังน้อย มีฝ่ายบริหารเพียงไม่เกินยี่สิบท่าน และทำหน้าที่เป็นสภาปฏิวัติไปด้วย มีฝ่ายบริหารเพียงจำเป็นไม่กี่หน่วยงาน เช่น ฝ่ายตปท. ฝ่ายข่าวกรอง ฝ่ายการเงิน(คลัง) กลาโหม ฯลฯ สภาจะมีการโหวตในเรื่องสำคัญทุกเรื่องด้วย ทุกคนกินเงินเดือนตัวเอง อยู่ในตำแหน่งวาระแรกเพียง1 ปี วาระที่สองเพียงสองปี และต่อไปจนการปฏิวัติของประชาชนจะสำเร็จ จึงมีการเปลี่ยนสู่สภาพปกติ คือเทอมละสี่ปีเหมือนสหรัฐอเมริกาและทั่วไป
เราก็จะมีนโยบายเป็นเข็มทิศที่ชี้นำ ชี้เป้าหมายอย่างเด่นชัด ให้เราไปกันให้ได้ถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แท้จริง นั่นคือการปลดแอกตัวเองออกจากการเป็นทาส ต่อสถาบันกษัตริย์และพวกทหารจปร. ที่ครอบงำชีวิตเราเยี่ยงข้าทาสมาตลอดทุกยุคสมัย เมื่อเรามีเป้าหมายที่เด่นชัด ต่อไปเราจะไม่หลงทางอีก หรือหลงเป้าหมายอีก และจะสามัคคีในการสู้รบร่วมกัน...จนมีชัยชนะในที่สุด
เผด็จการต้องพินาศอย่างแน่นอน การกวาดล้างระบอบและระบบเก่าจะเป็นไปอย่างสะเด็ดน้ำ..จนแผ่นดินสะอาดสะอ้าน ..รอฤดูปลูกพืชพันธุ์ใหม่ ให้ได้เจริญเติบโตรุ่งเรืองตลอดไป... ประชาธิปไตยจงเจริญ
Last edited by ปาปียอง (October 29, 2018 9:56 PM)
Online
สิ้นคิด
หมดแล้วประเทศนี้ ไม่ต้องทำห่าอะไรได้อีกแล้ว มีปฏิทินในครอบครองก็ติดคุก มีขันนัำสีแดงก็ติดคุก "ประเทศกูมี" ไม่รู้จะอยู่รอหาพระแสงอะไร?
https://youtu.be/sO3B4CazxOY?t=318
https://youtu.be/EkjhizQ6ku8?t=5
https://youtu.be/VZvzvLiGUtw?t=7 (ข่าวว่าเลยสามสิบล้านแล้ว ..จะอีกกี่ล้านนะจึงจะเดือด..หรือไม่มีทางเลย เพราะต้องคำสาป...."แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร "?)
ภาษิตไทยแต่โบราณว่ายามถูก"หนามยอก ต้องใช้หนามบ่ง"
....แก้การโดนปล้นจาก"โจรต้องแก้ตอบด้วยกองโจร"
..ประเทศกลายเป็นเล้าไก่ หรือคอกหมูไปแล้ว...เป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงของคสช.จปร.
รบปลดแอกเถิดอรชุน
Last edited by ปาปียอง (November 8, 2018 1:14 PM)
Online
ขอสดุดีอย่างสูงส่งต่อคนไทยในยุโรปที่ได้ร่วมกิจกรรมต้อนรับอ้ายเหล่และคณะที่ประตูชัยในนครเบอร์ลิน
ณ.ที่นี้เองที่ผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านของโลกได้เปล่งวาจาตะโกนที่ประตูชัย(Brandenburg Gate)แห่งนี้ และกำแพงเบอร์ลิน(Berlin Wall) ซึ่งล้อมขังเมืองนี้โดยฝ่ายคอมมิวนิสต์ยาวรอบเมือง 155 กม.
ปธน. จอห์น เอฟ เคเนดี้เป็นปธน.ของอเมริกาผู้นำโลกเสรี เป็นปฏิปักษ์ต่อลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่โจเซฟ สตาลินของรัสเซียเป็นผู้ก่อตั้งมาตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ นับเป็นระยะแรกเริ่มของ"สงครามเย็น-" และอีก 46 ปีต่อมา อาณาจักรคอมมิวนิสต์รัสเซียล่มสลาย ในสมัยปธน.โรนาล เรแกน และนายมิเคล โกบาชอฟแห่งรัสเซีย
วาทะกรรมอันสำคัญตอนฝ่ายรัสเซียปิดล้อมเมืองเบอร์ลิน จนอเมริกาต้องส่งอาหารและกำลังบำรุงทางอากาศ ตัวปธน.เคเนดี้เองก็ไปเยือนปลอบฝ่ายพันธมิตรด้วยคำพูดดังกล่าว
https://youtu.be/NaZ3onbUrew?t=12
John F Kennedy "Ich bin ein Berliner" (I am a Berliner)
ส่วนปธน.เรแกน(Ronal Reagan) ไปเยือนประตูชัยแบรนเด็นเบอร์และกำแพงเบอร์ลิน พร้อมกับคณะนายโกบาชอ๊ฟMr Gobachev (General Secretary Of the Communist Party of the Soviet Union)แล้วชี้ไปที่กำแพง พลางหันหน้าไปที่นายโกบาเชฟว่า"tear down this wall" พังกำแพงนี้ลงมาเถิดคุณโกบาชอฟ(ตะโกนพูดสองครั้ง) และหลังจากนั้นไม่นาน กำแพงเบอร์ลินก็ถูกประชาชนเยอรมันและผู้คนยุโรปตะวันออก ช่วยกันพังทลายกำแพงนี้ และ"ปลดปล่อย"ยุโรปตะวันออกให้มีอิสระเสรีภาพเหมือนฟากตะวันตกในปี 1991 อาณาจักรคอมมิวนิสต์รัสเซียถึงอาวสาน อนุสาวรีย์เลนินหลายแห่งถูกทำลายกองลงกับพื้น มาจนทุกวันนี้
https://youtu.be/GCO9BYCGNeY?t=13
อีกเพียงไม่นานเหตุการณ์แบบนี้ก็คงจะได้เห็นที่กรุงเทพมหานครเช่นกัน มันสุกงอมเต็มที่แล้ว ที่ประชาชนจะร่วมกันขับไล่พวกทรราชที่สูบกิน กดขี่ ฆ่าฟันประชาชนด้วยอำนาจป่าเถื่อนมาแสนนาน
ถึงคราวพวกทรราชจะต้องล้มครืนเป็นแห่งต่อไปของโลก..... และอีกไม่นานจะมีประเทศสาธารณรัฐเกิดใหม่ ที่สวยสดงดงาม วาววับจับตา น่ารักต่อเพื่อนมนุษย์..ได้จุติขึ้นมา..ในสุวรรณภูมิแห่งนี้
.. นั่นคือแผ่นดินใหม่ไทยเสรี หรือสาธารณรัฐประชาชนไท
https://youtu.be/aWJvRh7HUWU?t=385
แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นมาได้จากการต่อสู้ของคนไทหมู่เล็กๆ ที่ร่วมกันจัดทำกิจกรรมต่อสู้ในทุกรูปแบบ
เยี่ยงวีรชนของเราในยุโรปที่ประตูชัยแบรนเด็นเบอร์กแห่งนี้ในวันนี้ จะได้จารึกไว้ ว่าเรายังมีนักสู้
ยังมีลมหายใจ และยังมีความหวังเสมอว่า สักวันหนึ่งเราจะได้ปกครองตัวเอง
ขอบคุณเพื่อนๆที่เสียสละมาต่อต้านเผด็จการทหารจปร.ไทย ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บแต่ช่างอบอุ่นใจ
ที่มีไมตรีและวิญญาณนักสู้ต่อกัน ขอเชิญเข้าร่วม"องค์การปฏิวัติไท"ของเราด้วยครับ
โชคดีครับ
Last edited by ปาปียอง (November 29, 2018 8:10 PM)
Online
ขอเถอะนักปฏิวัติไทย โปรดอย่าได้ซ้ำเติมลงบนแผลที่แสนเจ็บปวดของลุงสนามหลวงอีกเลย
ดีใจที่ดร.เพียงดิน รักไทยกับคุณเอนก ซานฟรานได้กล่าวเห็นใจถึงเรื่องนี้เมื่อวานก่อน และให้คุณแอน นอร์แมนพยายามช่วยกันอยู่
ตำนานนักสู้ นักปฏิวัติ และนักรบ เขาไม่ดูถูกนักรบ นักปฏิวัติผู้โชคร้าย และนักสู้กู้ชาติผู้พลั้งพลาดด้วยกันเด็ดขาด
ยามใครคนหนึ่งเกิดล้มลง ..ลูกเมียหรือตัวถูกจับโดยพวกทหารและหายไป ไม่ทราบแห่งหนหรือตกในสภาพอย่างไร?
นักรบของเราจะไม่ซ้ำเติมนักสู้คนอื่น ที่แม้ตัวเองไม่ค่อยลงรอยกันในทางความคิดอยู่บ้าง ...... ยามใครคนนั้นล้มลง
เขาหนีมาสิบปีแล้วไปอยู่จีน พอรู้ว่าจะถูกจีนจับส่งกลับไปรับโทษที่บ้าน เขารีบหนีมาสู่กำพูชา ระเหเร่ร่อนคอยหาทางสู้ต่อ
เขาจบลงที่ลาว และเกิดพบกับโกตี๋นักสู้ไม่มีมงกุฏที่เป็นจอมหลอกลวงที่นั่น จนเกิดแตกกันเรื่องเงินที่ได้รับบริจาคจากเรื่อง
กองกำลัง 7-800 คนดังที่รู้กัน โกตี๋หายไปแต่เขารวมกลุ่มใหม่สู้ต่อในนาม"องค์การสหพันธรัฐไท" เป้าหมายหลักคือการล้มเจ้า
เพราะย่อมเป็นที่รู้กันแล้วว่าปัญหาหลักของประเทศอยู่ที่ไหน? การต่อสู้หลังไมค์ต่อมาได้เพิ่มความเข้มข้นและดุเดือดมากขึ้น
จนเขาต้องนำทีมหนีอันตรายสู่เวียตนามเป็นครั้งที่สอง จนเกิดข่าวลูกและเมียหายไปกับพวกทหารที่บุกจับเมื่อหกวันที่แล้ว
เพื่อนผู้รักชาติและนักสู้ทั้งหลาย ชีวิตของคุณสุชีพ ชีวะสุทธิ์นั้นแสนลำบากยากเข็ญ ภัยมีทุกด้านมาได้ทุกนาที มีชีวิตอยู่แต่ละวัน
กินแต่ละมื้อ หรือยามล้มตัวลงนอนเพราะสุดอ่อนเพลีย ก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา และแสนทรมานที่ต้องจากบ้านและครอบครัว
มานาน และไม่รู้เลยว่าตื่นลืมตาพรุ่งนี้อะไรที่ร้ายๆจะเกิดขึ้นมาอีก..............ช่างไม่เหมือนกับนักสู้หรือนักปฏิวัติใต้ดินในโลกตะวันตก
เปรียบเหมือนรกกับสวรรค์
โปรดเมตาเขา รวมทั้งสหายยังบลัดและสหายข้าวเหนียวเถิดครับ ไม่บาปหรอกที่จะส่งน้ำใจไปให้เขาในยามเขาต้องล้มลงและบาดเจ็บ
และแสนขมขื่นในครั้งนี้ ...ช่างเหมือนคล้ายกับตอนนายพลโวเวียนเกี๊ยบของเวียตนาม โดนฝรั่งเศสจับพร้อมเมืยและน้องสาวเมีย มีเขารอดมา
ได้คนเดียว แต่ชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งที่เขาเฝ้าคิดถึงคือ ชตากรรมของเมียคนนี้และน้องเมีย ยิ่งทำให้เขามีพลังแค้นที่จะเผด็จศึกทุกคราว จนเขาได้
นำชัยชนะมาสู่ประเทศชาติ ในทุกสมรภูมิและทุกสงครามในที่สุด จนเวียตนามกลายมาเป็นรัตนรัฐปัจจุบัน
นายพลเกี๊ยบเป็นแม่ทัพที่ไม่เคยผ่านโรงเรียนทหารใดๆ แต่โลกไม่มีวันลืมผลงานสงครามและการสู้รบของเขาไปได้เลย
สักวันคุณสุชีพ ชีวสุทธิ์อาจจะมีวันของเขาบ้าง เขายังขยันสู้อยู่อย่างสุดเรี่ยวแรงของพวกเขา...ทุกวันสม่ำเสมอ
และสักวันหนึ่งเราคงได้มีโอกาสสวนสนามร่วมกันที่ถนนราชดำเนิน
ปล.อย่าลืม..ชีวิตอีกชีวิตหนึ่งของพวกเรา ที่ต้องตกระกำลำบากมาจนทุกวันนี้ เหมือนตกจากสวรรค์สู่นรก แต่กลายเป็นนักปฏิวัติหญิงที่สามารถ เป็นขวัญใจและเป็นวีรชนของเรา
หลังจากทรราชปลิดชีวิตคุณไม้หนึ่ง ก.กุนที ..เรายินดีและโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นอ.หวานร่วมเดินทางด้วยกับพวกเรา
Last edited by ปาปียอง (December 14, 2018 11:09 PM)
Online
Online
พรรคอนาคตใหม่พบมรสุมหนัก
เริ่มจากสาเหตุขัดแย้งกันภายในเรื่องค่าใช้จ่ายกับสมาชิกสำคัญผู้ก่อตั้งในพรรค ต่อมาเรื่องการเลือกตั้งรอบแรก
(primary) แบบเลือกกันเองในคณะกรรมการพรรค จนเกิดโวยวายขึันมา และที่สาหัสที่สุดคือเลิกล้มที่จะต่อสู้ต่อม.112
และเรื่องต่อมาอาจจะเป็นเรื่องจะปฏิรูปทางทหาร
นานพอควรที่ไม่ได้ฟังอ.ปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธุ์เพราะคงหาเวลายาก ที่ต้องวิ่งไปวิ่งมากับยุโรป-อเมริกา-ญี่ปุ่น
วันนี้โชคดีที่เข้ามารายการของคุณจอม เพชรประดับ วิพากวิจารณ์การเมืองไทย ที่กำลังเริ่มเชี่ยวหลากกันขนาดหนัก
อยากขอร้องอาจารย์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและเป็นนักวิชาการที่ถูกม.112 ต้องอยู่สอนหนังสือต่างประเทศเลี้ยงชีพ
อยากขอให้อาจารย์โปรดสละเวลาที่ไม่ค่อยมี ให้บ่อยมากขึ้น เพื่อเป็นแสงสว่างสถานะทางการเมืองไทยซึ่งประชาชนกำลัง
เป็นเหมือนจิ้งหรีดที่ถูกปั่นหัวจนบ้าคลั่ง พร้อมจะกัดทุกตัวที่อยู่ข้างหน้า จนประเทศกลายเป็นสมรภูมิกัดจิ้งหรีดไปหมดแล้ว
วันนี้การสนทนามาถึงเรื่องพรรค"ความหวังใหม่" ที่ตอนนี้ได้ตัดความทะเยอทะยานเรื่องที่พรรคเคยประกาศว่าต้องแก้ม.112
หากเกิดชนะเป็นรัฐบาลได้ พรรคนี้เกิดใหม่เป็นที่ฮือฮาว่าเป็นพรรคที่จะมีแนวทางแหวกแนว และกล้าหาญที่จะอาสาเข้ามา
เปลี่ยนประเทศให้เป็นไปแนวใหม่ เหมือนตอนอังกฤษมีการเรียกร้องให้สิทธิมนุษย์ชน และความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์
กับพวกบารอน(Barons) และมีผลต่อสิทธิของประชาชนมากขึ้น โดยเริ่มมาจากปี ค.ศ. 1215 เป็นต้นมา จนแมคนากาตา(Magna Carta)
กลายเป็นกฏบัตรหลักในการปกครองของอังกฤษ
และอเมริกา ได้ยึดถือเป็นหลักร่างรัฐธรรมนูญ มาจนปัจจุบัน
ลองฟังความคิดเห็นที่เผ็ดมันส์ของอ.ปวินวันนี้ เชิญเลยครับ
https://youtu.be/ncNB8hw5lMo?t=2551
พบกันใหม่
องค์การปฏิวัติไท
ขอบคุณครับ
Last edited by ปาปียอง (December 19, 2018 1:20 PM)
Online
เราเลือกตั้งกันเพื่อเอาอะไร?
หวลคิดกันอย่างซีเรียสเรื่องรัฐธรรมนูญไทยที่มีมาแล้ว 20 ฉบับ เราจะหนีหมวดพระมหากษัตริย์ต่างๆ ซึ่งสรุปว่าพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์นั้นใครละเมิดมิได้ แปลง่ายๆภาษาชาวบ้านคนรากหญ้า ก็คือพวกกษัตริย์จะทำอะไรไม่ผิด(king can do no wrong) แบบสมบูรณาญาสิทธิราชโบราณ ส่วนมากก่อนสมัยล่าอาณานิคมและก่อนหน้านั้น และมีหลายประเทศก็ยังใช้อยู่มาถึงเวลาปัจจุบัน รวมทั้งในกลาแลนด์ แถมมีการคิดพัฒนาการสวมรอยด้วยมาตราร้ายๆเพิ่มเติม เพื่อเสริมและปกป้องสถาบันกษัตริย์นี้อย่างเหนียวแน่น เช่น ม.112 116 พรบ.คอมพิวเตอ์ และเจ้ายังมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้รัฐบาลหารจปร.ไทยใช้ม.44 ที่จะตัดคอใคร ที่ไหน เวลาไหน โดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือฟังรอความคิดเห็นใดๆ เข่นจากศาลสถิตยุติธรรมซึ่งก็เป็นน้ำเน่า เป็นเครื่องมือกษัตริย์ผ่านอำมาตย์มานานแล้ว มันจึงจับคนไปขังค่ายทหาร ข่มขู่โดยการอุ้มฆ่า ทุบตี ทรมาร ให้เกิดความหวาดกลัวอย่างกว้างขวางในหลายรูปแบบและวิธีการ เช่นในตอนนี้คดีอุ้มสุรชัย แซ่ด่านและสองสหายร่วมอาศัยอยู่ในบ้านในสปป.ลาว เป็นครั้งที่สาม และจำนวน 5 คนแล้ว และเมื่อวานก็มีศพโผล่เกยตื้นริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นศพที่สามในสัปดาเดียวกัน จนขณะนี้ลำโขงกลายเป็นสายน้ำที่สุดสพึงกลัว การฆ่าด้วยเชือกรัดคอ มีผูกกุญแจมือติดมากับศพ คว้านท้องใส่ท่อนซีเมนต์ในท้อง สับใบหน้าจนเละให้จำไม่ได้ แล้วเย็บท้องพร้อมทั้งผูกใส่กระสอบสองชั้นโดยมัดรอบกระสอบแน่น นี่คือวิธีการฆ่าแบบทรราชทหารจปร.ไทย ซึ่งเป็นชาวพุทธหรือ?
เห็นลักษณะมันทำมีรายละเอียดอธิบายเช่นนี้ ขอบอกว่ามันเป็นเพชรฆาตที่สุดขี้ขลาด มันจึงทำอย่างทารุณด้วยวิธีต่างๆ ทั้งๆที่ผู้เคราะห์ร้ายยังมีกุญแจมือติดอยู่ การสับทำลายใบหน้ายิ่งบ่งให้เห็นมากขึ้นว่าคงเป็นคำสั่งหน่วยเหนือ หรือผู้สั่งฆ่ากำชับให้ทำเช่นนั้น เพื่อหวังผลในการข่มขู่ให้เกิดความกลัว ให้น่าสยดสยอง จะมีผลเมื่อศพค้นเจอ มันทำอย่างเลือดเย็นและโหดร้าย แต่ขอบอกเลยว่า"มันเป็นความขี้ขลาด"ของคนสั่งและผู้ปฏิบัติ ซึ่งตรงเหมือนกับทหารจปร.สั่งการฆ่าทารุนโดยมัดมือฆ่า
.. ตัวอย่างในอดีตตอนฆ่าบุคลสงสัยเป็นผกค. โดยถีบลงเขาจากเฮลิคอปเตอร์-ถีบลงในถังแดง 200 ลิตรแล้วเผา จำนวนมาก(ประมาณ 3,000 ศพ)ในบริเวณจังหวัดพัทลุง ซึ่งพวกจปร.รุ่น-7กำลังหนุ่ม เพิ่งจบการศึกษา จปร.รุนนี้เคยสร้างความหวาดกลัว เป็นนักฆ่านกในกรงที่โด่งดัง นำเอาคนที่ถูกจับ และเอาเข้าไปซักถามในค่ายทหาร ชาวบ้านภาตใต้ตั้งแต่เขตสุราษฎร์ นครศรีธรรมราช พ้ทลุง ตรัง ล้วนตกอยู่ในสภาพฝันหนีดีฝ่อกันทั่วทุกครัวเรือน และได้กลิ่นเผาศพเหมือนตอนวัดมีงานศพ ควันและกลิ่นเผาจากปล่องเมรุที่มาจากการเผาศพ มาจากที่ตั้งทุกกองทหาร นึกสภาพคนใต้สมัยนั้นแล้วยังสงสารอย่างจับใจ นี่คือของจริงที่ทหารจปร.ไทยจากห้องแอร์ผู้วางวางแผนฆ่าและปราบประชาชนมาในอดีตเขาทำกัน
...เช่นตอนจิตร ภูมิศักดิ์สียชีวิตที่บ้านหนองกุง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนครเมื่อ 5 ธ.ค. 2509 ซึ่งจิตรสรวมแว่นสายตาขนาดเลนส์หนาเปอะ พอข่าวแพร่สพัดก็มีฮ.ทหารมาจากกองบัญชาการทัพบกจปร. ลงมาตรวจสอบสภาพศพ นายทหารใส่เครื่องแบบกลีบโง้ง รองเท้าเป็นมันวาบ กระโดดลงจากเครื่องแล้วร้องลั่น "ไหน..ไหน...ศพมันอยู่ไหน?" แล้วพากันถ่ายรูปจากกล้องหลายกล้องที่คณะเสธฯพวกนี้ถือติดตัวมา ภาพศพของจิตร ภูมิศักดิ์ได้รับการบันทึกอย่างละเอียดทุกท่าทาง คงด้วยความโล่งใจและสมหวังต่อพวกจปร.ไทยในวันนั้นกันอย่างเต็มอิ่ม
..และเมื่อย้อนกลับไปกับการฆ่าสี่นักการเมืองและเคยเป็นอดีตรัฐมนตรี ดร.ทองเปลว ชลภูมิ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายถวิล อุดล นายจำลอง ดาวเรือง ในพ.ศ. 2492 ถูกกระสุนปืนร่างละไม่ตำกว่า 10 นัด โดยต่อมารัฐบาลอ้างว่าพวกโจรแยกดินแดนจากภาคใด้ดักซุ่มโจมตีสังหาร ซึ่งสภาพศพทั้งหมดยังมีกุญแจมือติดคาอยู่ โดยตำรวจที่ควบคุมตัวประมาณ 20 นายที่นั่งรถร่วมมา ไม่มีร่องรอยจากการยิงกระสุนเกือบ 100 นัดใส่รถ แม้รอยขีดข่วน
ต่อมาก็เรียกนายเตียง ศิริขันธ์ไปพบและรัดคอตาย แล้วเอาศพไปเผาที่กาญจนบุรี ตำรวจผู้น้อยผู้ทำได้สารภาพในตอนหลัง และตามมาด้วยการฆ่าถ่วงน้ำหะยีสุหรง อับดุลกาเดร์ และนาย อารีย์ ลีวีระ เป็นต้น
การสังหารนักการเมือง ผู้กระด้างกระเดื่องในอดีตรวมทั้งนักน.ส.พ. บ้างถูกจับทารุณทรมาร บ้างต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ ลำบากไปจนตาย รวมทั้งกรณีย์นายปรีดี พนมยงค์ผู้โอบอุ้มอสรพิษตาเดียวขึ้นตรองราช หลังจากยิงหัวพี่ชายสดๆในวันเดียวกันนั้น แล้วมันทำความร้ายกาจต่อแผ่นดินมา 70 ปี และกว่ามาถึงปัจจุบันซึ่งเป็นลูกชาย ซึ่งประเดิมการฆ่าอย่างทารุณจากเรื่องหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา พลตรี พิสิทธฺ์ศักดิ์ เสนีวงศ์ จนต่อมาก็เป็นการอุ้มฆ่าดีเจซุนโฮ โกตี๋ และกลุ่มล่าสุดคือการหายตัวไปของอ.สุรชัย แซ่ด่านกับผู้ช่วยดีเจภูชนะและสหายกาสะลอง โดยลาวยินยอมให้ทหารจปร.ไทย ส่งสายลับหน่วยสังหารเข้าไปทำ และคงต้องมีเพิ่มเติมมาอีกอย่างแน่นอน จะเห็นได้ว่าต่อจากความโหดร้ายยุคพ่อมา 70 ปีแล้ว กษัตริย์ร.สิบพิ่งเริ่มเพียง 2 ปีแต่มีการตายแบบลึกลับ หวาดเสียว เฉียบขาด(ฆ่าแล้วสั่งเผาเลยในวันเดียวกันทันที) เกิดขึ้นประมาณ 10 รายแล้ว พวก"มหิดล"และราชวงศ์จักรีนั้น เราควรมีคำอธิบายต่อพวกนี้อย่างไรดี? ลองหลับตาคิดและให้ความเป็นธรรมต่อ สองรัชกาลท้ายสุด แล้วจะเห็นว่าอนาคตของคนไทยในกลาแลนด์ในวันข้างหน้า โดยเฉพาะหลังวันปีใหม่ปี 2562 ขอบอกเพื่อนรากหญ้ารีบถือโอกาสร่วมฉลองต้อนรับปีใหม่ระหว่างครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง แล้วเตรียมพร้อมต่อ"ปีเลือดนอง"คือปีที่ถึงมาวันนี้ และปีถัดไป เพราะประชาชนต่างตื่นตัวเตรียมพร้อม ต่อเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศไปหมดแล้ว ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง และผลสุดท้ายกษัตริย์ก็จะให้ทหารปร.ไทยยึดอำนาจกลับมาเป็นประเทศเผด็จการณ์อีกเช่นเคย แม้จะมีการเปลี่ยนดัวพวกรัฐาล แต่ก็คงใช้รบ.และทหาร ซึ่งเป็นคนของพวกกษัตริย์เข้าปกครองประเทศต่อแบบเดิมๆอีก และคราวนี้จะเพิ่มมาตรการโหดเหี้ยม เลือดเย็น อาฆาตมาดร้าย เข้าปราบปรามประชาชน เพราะกษัตริย์ใหม่นี้เป็นคนเจ้ายศเจ้าศักดิ์ โปรดการหมอบกราบและคลาน ตามแบบนิสัยและสันดานส่วนตัวของตนมาตลอดตั้งแต่เยาว์วัย แต่ผู้คนสมัยใหม่เขาไม่เอาด้วยแล้วนั่นเอง
ขออภัยที่ไม่มีคำอวยพร และหรือความหวังแบบโลกสวยใดๆ ต่อปีใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ ได้แต่ขอเตือนภัยเพื่อนรากหญ้าล่วงหน้า เตรียมตัวให้พร้อมมากขึ้น "การทวงคืนของกฎแห่งกรรม" ตั้งแต่ครั้งคำสาปจากองค์ตากสินมหาราช "กูให้มึงไม่เกิน 5 ชั่วคน" และจิตวิญญาณของคนไทยรักชาติที่ถูกทำร้าย ถูกทรมานจนตาย ถูกฆ่ามาอย่างหฤโหดอย่างเลือดเย็น โดยพวกทรราชกษัตริย์และทหารจปร.ไทย ซึ่งมีมายาวนานตลอด 236 ปี โดยเฉพาะสองรัชสมัยสุดท้าย ที่น้ำตาคนไทยไม่มีให้ทรราชได้เห็นอีก ผลกรรมชั่วร้ายในแผ่นดิน เจ้ากรรมนายเวรได้ตามมาทันแล้ว
โต๊ะสถานการณ์ที่มีแต่ความพินาศพ่ายแพ้ของพสกนิกรมาก่อน จะพลิกกลับทาง ให้ความเสียหายและความวิบัติเป็นฝ่ายของพวกกษัตริย์ทรราชอย่างแน่นอน
คำขวัญโบราณของคนไทย "หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง" ได้มาถึงแล้ว เราจะไม่อดทนกับความเจ็บปวดและขมขื่นอีกต่อไป
"การปราบโจร ต้องสู้ด้วยกองโจร"
ชัยชนะต้องเป็นของประชาชนเท่านั้น
https://youtu.be/DBRaNWLY2cc?t=1662
https://youtu.be/8kGaosEfMHs?t=7683(ลิบ … งประมาณเลย 3/4 ไปแล้ว)
https://youtu.be/l1ShOlw3tio?t=3052
https://youtu.be/wHOPaqvjJMQ?t=134(คลิ๊ปจากป้าน้อย เป็นของขวัญวันปีใหม่ให้มีความหวังว่าอาจมีข่าวดี
เรื่องอ.สุรชัยโดนอุ้ม)
สวัสดีปีใหม่
เตรียมตัวให้พร้อม
ประเทศของเราจำต้องก้าวสู่มิติใหม่แล้ว
ขอให้ทุกคนโชคดีเสมอ
ขอจุดธูปเทียนบวงสรวงดวงวิญญาณวีรชนมาจากบุพรกาล รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ตราบจนกระทั่งปัจจุบัน โดยเฉพาะห้าชีวิตในสปป.ลาวซึ่งมีอ.สุรชย แซ่ด่าน
และพรรคพวกล่าสุด ให้ตื่นขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยายานว่าคนไทยนักสู้และนักปฏิวัติทั้ง
หลาย ต่อแต่นี้ จะยกระดับการต่อสู้แบบ"เผชิญหน้า" ในทุกรูปแบบกับพวกทรราช และ
หวังสถานะการณ์จะนำไปสู่สงครามการขับไล่พวกมัน ให้พวกมันพินาศ หมดไปจากแผ่นดินของเราในที่สุด
ขอดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทฺธิของปวงวีรชนของเรา มาร่วมให้พลังและกำลังใจแก่เราโดยเริ่มจากวันนี้อันเป็น
วันแรกของปีวิกฤตกาลพ.ศ.2562 ด้วยเทอญ
องค์การปฏิวัติไท
31 ธันวาคม 2561
Last edited by ปาปียอง (December 31, 2018 9:19 PM)
Online
บทเรียนที่น่าปวดหัวในพม่า
คัดลอกมาจากประชาไท เอาเรื่องปวดหัวในการที่จะจัดตั้งสหพันธรัฐหรือสมาพันธรัฐของพม่า ซึ่งเป็นเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามาตั้งแต่นายพลอองซาน(บิดาของท่านออง ซาน ซูคะยี) คิดจะประกาศอิสระภาพให้พม่าหลุดจากการเป็นประเทศในอาณานิคมของอังกฤษ(มีสภาพเป็นทาสภายใต้การปกครองและถูกกดขี่ขูดรีดของสหราชอาณาจักรอังกฤษ อันมีกษัตริย์เป็นประมุข) จังหวะพอดีที่โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งญี่ปุ่นยกกำลังทหารบุกเข้าเวียตนาม ไทย มาเลเซีย ยึดสิงค์โปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิบปีนส์ และสร้างทางรถไฟจะไปทางอินเดีย เพื่อบรรจบเส้นทางการยึดครองต่อ ไปทางยุโรปและตะวันออกกลาง เพื่อต่อเนื่องทางอำนาจการยึดครองกับฝ่ายเยอรมันและอิตาลี ที่มีแผนครองยุโรปและอัฟริกาส่วนเหนือ สู่ตะวันออกกลาง ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่คือแผนของฝ่ายอักษะ(AXIS)ที่ทั้งสามมหาอำนาจอันมีเยอรมัน อีตาลี และญี่ปุ่นได้ตกลงกันเพื่อทำสงครามโลกครั้งนี้
จะเห็นได้ว่าประเทศเล็กๆที่เป็นอาณานิคม(เป็นประเทศเมืองขึ้น) ของมหาอำนาจอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อีตาลี เนเธอร์แลนด์ เสปญ ปอร์ตุเกต (ส่วนมากในยุโรป) ประเทศอาณานิคมที่กระหายจะอยากเป็นอิสระปกครองตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ทางญี่ปุ่นก็มีนโยบายสนับสนุนความคิดอันนี้เป็นหลักอยู่แล้ว เพราะพวกกลุ่มปลดแอกชาตินิยมใต้ดิน ที่ต้องการปกครองตนเองทุกประเทศพวกนี้ จะได้ช่วยญี่ปุ่นต่อสู้กับอำนาจของอังกฤษและฝรั่งเศส เป็นการผ่อนแรงในสงครามโลกที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ อย่างมีผลยิ่ง ญี่ปุ่นส่วนมากจะสนับสนุนเพียงทางการเมือง เออออห่อหมกยุยงให้กลุ่มชาตินิยมทั่วโลกโดยเฉพาะในแถบเอเซียอาคเณย์ เตรียมประกาศอิสรภาพปลดแอกจากอังกฤษและฝรั่งเศสด้วยกันทั้งนั้น
ฉนั้นช่วงตอนสงครามโลกครั้งที่สองนี้เอง ที่คนเอเซียมีวีระบุรุษเกิดขึ้นมากมาย เช่นดร.ซูกาโนแห่งอินโดนีเซีย(ผู้ปลดปล่อยประเทศอินโดนีเซียจากการเป็นทาสเนเธอร์แลนด์มาถึง 425 ปีและมีประชากร 261 ล้านป็นอันดับ 4 ของโลก มีคนต่างเผ่าถึง 300 เผ่า) การเกิดขบวนกู้ปลดปล่อยชาติเวียตนามนำโดยโฮจิมินห์ นายพลอองซานผู้ประกาศอิสระภาพให้หลุดพ้นจากสภาพทาสต่ออังกฤษที่กรุงโตเกียว ลาวนำโดยเจ้าเพชราชและเจ้าสุภานุวงศ์มาลี้ภัยและประกาศอิสระภาพให้ประเทศลาวในประเทศไทย
อเมริกาเคลื่อนไหวมีแผนตอบโต้ญี่ปุ่นทันที และได้สร้างทฤษฎีต่อต้านญี่ปุ่นขึ้นรองรับ โดยสนับสนุนเสรีไทยในประเทศไยทำใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น และสนับสนุนให้หน่วยโอเอสเอส-OSS)ให้อาวุธและฝึกพวกเวียตมินห์ของลุงโฮจิมิน์ในเวียตนาม เพื่อต่อสู้กับญี่ปุ่นที่ยึดครอง สนับสนุนให้นายพลโจเซฟ สติลเวล(General Joseph Stilwell)ช่วยฝึกและให้อาวุธ และช่วยรบแก่จีนทางตะวันตกเฉียงใต้บริเวณมณทลยูนาน และทางเขตชนกลุ่มน้อยทางเหนือของพม่า(เป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มนายพล อองซาน) ส่วนทางมาเลเซียและสิงค์โปร์นั้นยับเยินไปจากสงครามกองกำลังอันเกรียงไกรของพวกลูกพระอาทิตย์ เรือรบพริ้นซ์อ้อฟเวล(HMS Prince of Wales)ที่เกรียงไกรที่เคยพิชิตเรือรบใหญ่ที่สุดบิสมาร์ค(Bismarck German battleship)ของเเยอรมันมาแล้ว อังกฤษคุยว่าเป็นเรือรบที่ไม่มีใครจมได้ ก็จมในสงครามยึดเกาะสิงค์โปร์พร้อมด้วยเรือรบรีพัลส์(HMS Repulse) ด้วยพลังทางอากาศจากเคริ่องบินโจมตีซีโร่(ZERO)ของญี่ปุ่นที่รุมกินโต๊ะจนจมลงในที่สุด นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ ที่ทั้งผลักและดันของทุกฝ่ายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และเป็นสาเหตุให้อเมริกาประกาศสนับสนุนประเทศเล็กๆ ให้มีอิสรภาพปลดแอกตัวเองจากสภาพการเป็นปะเทศอาณานิคมทั่วโลก แต่ต่อมาอเมริกากลับติดกับตัวเองในสงครามเวียตนาม ที่ตนตระบัตสัตย์เข้าช่วยฝรั่งเศสยึดคืนเวียตนาม เพราะกลัวเรื่องทฤษฎีโดมิโน(DOMINO) ที่คาดว่าคอมมิวนิสต์จะทำให้ทุกประเทศล้มลงทีละประเทศจนทั้งโลกจะกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์หมด อเมริกาผลสุดท้ายเข้าทำสงครามในเวียตนาม ยาวนานจนพ่ายแพ้ สงครามเกาหลีที่ต้องยอมประนอมกันแบบหยุดยิงชั่วคราว และมีปัญหามาจนปัจจุบัน อเมริกาไม่ยอมเชื่อคำแนะนำของนายพลโจเซฟ สติลเวลว่ารบ.ของก๊กมินตั๋งของเจียงไคเชคจะไปไม่รอด เพราะเรื่องคอร์รัปชั่นเลวร้ายที่สุดจนคนจีนไม่เอาอีก และหันไปช่วยฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเมาเซตุงผู้สามารถ และเป็นนักอุดมการณ์ที่ซื่อตรง แต่รบ.อเมริกาสมัยนั้นรังเกียจพวกคอมมิวนิสต์เป็นที่สุด จึงไม่สนใจคำแนะนำดังกล่าวนั่นเอง
เกริ่นมาเสียนาน วันนี้เรามาลองวิเคราะห์เหตุชนกลุ่มน้อย ที่มีกองกำลังติดอาวุธของตัวเองในพม่า ซึ่งพม่าพยายามอย่างมากที่รวมเป็นรัฐ(ประเทศ)เดียวกัน และอยู่ด้วยกันอย่างสันติ แต่นับวันความหวังดูเหมือนว่ายิ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้น การที่จะสร้างสหพันธรัฐ(confederation) หรือสมาพันธรัฐ(Federation)นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ทุกคนฝันเฟื่อง ว่าจะทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองเหมือนประเทศยุโรปหลายแห่ง
อเมริกาหลังจากได้ชัยชนะทางทหารเหนืออังกฤษจนอังกฤษต้องยอมแพ้ และอังกฤษตุกติกจะเซ็นต์สัญญายอมสงบศึก คือสนธิสัญญาแวร์ไซล์(Versailles Treaty)ในอีกเกือบสองปีต่อมา(1783) ทำให้อเมริกาพยายามจะเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อปกครองประเทศตัวเองใหม่แบบสหพันธรัฐ(Confederation) ซึ่งตอนนั้นมี 13 มลรัฐ ที่ประกาศอิสระภาพร่วมรบสนับสนุนสภาปฏิวัติที่เมืองฟิลาเดลเฟียเมื่อ 4 กค. 1776 แต่ความพยายามการร่างธรรมนูญการปกครองแบบสหพันธรัฐ(confederation)ต้องล้มเหลว ด้วยหลายสาเหตูเช่นเรื่องความแตกต่างของกองทัพที่แต่ละรัฐมี ทรัพยากรธรรมชาติ เขตแดน ศาสนาและนิกายที่ต่างกัน ภูมิประเทศที่เป็นแม่น้ำ ขุนเขา ซึ่งแตกต่างและมีผลในรูปเหมืองแร่ ป่าไม้ ความอุดมสมบูรณ์ที่ผู้มีอำนาจครอบครองอยู่ และสาระพัดชนิดปัญหาที่มีแต่เพิ่มความขัดแย้งระหว่างรัฐกันฝากขึ้น ฯลฯ อเมริกาสมัยนั้นยอมแพ้ที่ไม่สามารถจะจัดตั้งรัฐบาล และร่างกฏหมายธรรมนูญแบบสหพันธรัฐ เพื่อปกครองตัวเองได้ ทั้งๆที่ได้พิชิตศึกและปลดแอกตัวเองจากอังกฤษได้แล้ว จนกระทั่งตัวแทนทุกรัฐต้องหันมาเผชิญหน้าร่วมกันแก้ปัญหา ร่วมร่างรัฐธรรมนูญเป็นแบบสาธารณะรัฐ ที่มีรัฐบาลกลาง(federation)ที่เข้มแข็ง เป็นจุดศูนย์กลางที่จะรวมชาติ(central power)เอาไว้ได้ในที่สุดเมื่อ 17 กันยายน 1787 อเมริกาไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญมาทั้งหมดจากวันประกาศอิสระภาพ 11 ปี 2 เดือน กับ 13 วัน และหลังจากได้สนธิสัญญายอมแพ้จากอังกฤษแล้วอีก 4 ปี เป็นบทเรียนของความล้มเหลว ในการคิดจะร่างธรรมนูญการปกครองแบบสหพันธรัฐ(Confederation Charter) จนต้องหันมาคิดมีรัฐธรรมนูญแบบสหรัฐอเมริกา(Constitution)กระทั่งปัจจุบัน
และครั้งที่2 ที่สุดสำคัญไม่แพ้คราวแรกนั่นคือการเกิดสงครามกลางเมือง ตอนอเมริกามีพลเมืองเพียง 13 ล้านคนแต่มีผู้คนเสียชีวิตประมาณ 1 ล้านคน(ประมาณ 8% ของประชากร) โดยความแตกต่างทางเศรษฐกิจฝ่ายเหนือ ที่นำเอาเครื่องจักรมาแทนแรงงานกรรมกร แต่ฝ่ายใต้ที่ยังจำเป็นต้องใช้ทาสเป็นแรงงานในไร่ปลูกฝ้าย การเกษตร เหมืองแร่ ฯลฯ ฝ่ายใต้นำโดยวุฒิสมาชิกเจฟฟอร์สัน เดวิส (ต่อมาตั้งตัวเป็นปธน.สหพันธรัฐฝ่ายใต้-Southern Confederacy) แยกตัวมาตั้งประเทศ(รัฐรวม)ใหม่ เกิดสงครามหฤโหดสี่ปีเต็ม ผู้คนล้มตายมากมาย เป็นครั้งที่อเมริกาได้ถูกหลอมเป็นประเทศใหม่ที่แข็งแรงที่สุด เป็นบทเรียนครั้งสำคัญ และไม่ยอมจะให้รัฐธรรมนูญของเขาซึ่งมีอยู่ฉบับเดียว ต้องถูกย่ำยีโดยเด็ดขาดอีกต่อไปตั้งแต่นั้นมา
มาดูสถาบันชาติพม่าปัจจุบันที่ได้พยายามก่อตั้งประเทศเป็นสหพันธรัฐขึ้นมา ศึกษาประวัติศาสตร์ ความพยายามประดิษฐ์ขั้นตอนในการเจรจา การดำเนินทางการทูตระหว่างรัฐต่อกัน การละเมิดทางทหาร และปัญหาสารพัดชนิดแล้ว ก็ได้แต่ต้องถอนใจ เพราะดูกันอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ตลอดไป รวมกันแล้วก็แตกอีก แตกเป็นเสี่ยงๆมาก็หลายครั้ง และพยายามกันใหม่อีก หากใครทำงานชิ้นนีั"คือรวมพม่าเป็นสหพันธรัฐ"ได้สำเร็จ อาจจะต้องได้รับรางวัลโนเบลสาขาอะไรสักอย่าง แต่อาจจะล่วงเข้าคศ.2218 คืออีก 200 ปีล่วงแล้วกระมัง?
อย่างไรก็ดีนี่เป็นบทเรียนทางยุทธศาสตร์ ที่ประเทศไทยถือความได้เปรียบในการแตกแยก คือความอ่อนแอของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีขีดความสามารถที่เคยพิชิตประเทศเรามาถึงสองครั้งในประวัติศาสตร์ และโชคดีที่ครั้งสุดท้ายสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีตากสินมหาราชเป็นฝ่ายชนะ เราจึงเป็นฝ่ายมีชัยและมีอิสรภาพในที่สุด ส่วนพวกที่ถูกพม่ากวาดต้อน โดยผูกติดที่เอ็นร้อยหวาย ไปเป็นหลายขบวน และล้มตายไปมากมายระหว่างทาง และที่เหลือรอดไปกับเจ้าอุทุมพรนั้นก็อยู่กันใกล้ๆกับเรานี่เอง น่าจะจัดนำเที่ยวไปเยี่ยมเยียนกันบ้าง
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และการสูญสลายของยุครัตนโกสินธุ์นั้นจะเป็นความจริงอย่างแน่แท้อีกคงไม่นาน เหตุการณ์สำคัญของโลกและสงครามใหญ่กำลังคืบใกล้เข้ามาในภูมิภาคนี้อีกครั้ง จีนจะต้องรบกับอเมริกา เริ่มจากปัญหาการเดินเรือในทะเลจีนใต้ แต่ที่สำคัญที่สุดอเมริกาต้องหยุดความทะเยอทะยานของจีนที่จะเข้าครองเอเซียอาคเณย์ให้จงได้
อเมริกาต้องการหยุดจีนที่ประเทศไทยเป็นเข่นด่านสุดท้าย ประเทศเราจะเป็นเจ้าภาพในการทำสงครามของสองมหาอำนาจ เราชาวรากหญ้าจงเตรียมตัวให้พร้อม ที่จะปลดแอกตัวเองด้วย จงเริ่มรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กๆ สนใจการทหารที่จะรบแบบกองโจร วันข้างหน้าที่จะต้องชิงเอาชัยชนะ ที่จะปกครองตนเองกำลังมาถึงเพียงแค่เอื้อม
ปราบโจรต้องด้วยกองโจร นักปฏิวัติไทต้องบูชาองค์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ผู้ให้กำเหนิดประเทศให้ได้รับความเป็นไทยอีก
ไม่ใช่ไปเชื่อหลงไหลตามคำโฆษณาชวนเชื่อของพวกจักรี ที่เสียดินแดนทั้งหมดของประเทศเรา ไปมากกว่าเนื้อที่ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน อ้ายบอดที่มันอวดว่าแน่และเรียกตัวมันเองว่าเป็น"ภัทรมหาราช" ที่แท้มันก็เสียเขาพระวิหารไปเหมือนบรรพบุรุษมันแต่เก่าก่อน
มันสามารถหลอกคนได้จนมันตาย ที่แท้มันเป็นคนกะล่อน-เห็นแก่ตัว-ใจร้าย-เลือดเย็น-ขี้ขลาดที่สุดในแผ่นดิน หรือเท่าที่รู้มา..... และขณะนี้ที่แน่ๆลูกชายมีทีท่าจะโหดเหี้ยมกว่าอีกหลายเท่านัก
การคิดการปกครองข้างหน้าของเรา ต้องสุขุมรอบคอบที่สุด เพราะหากไทยแตกกันอีกเสี่ยง ประเทศเราก็จะหมดความหมายในโลกใบนี้อีกต่อไป
จาก องค์การปฏิวัติไท
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
https://prachatai.com/sites/default/fil … k=RKumbTkz
แกะรอยสันติภาพพม่า (1) การเจรจาที่ชะงักงันและหมากกลยุทธศาสตร์
Submitted on Mon, 2019-01-07 02:17
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ
รายงานพิเศษ “การเมืองพม่า” ว่าด้วยการเจรจาสันติภาพและสหพันธรัฐ (ที่ยังสร้างไม่เสร็จ) รวบรวมรายละเอียดและแจกแจงความสลับซับซ้อนให้ย่นย่อที่สุด เข้าใจง่ายที่สุด และอัพเดทที่สุด ตอนแรกว่าด้วยเรื่องการเมืองระดับมหภาค ที่มาที่ไปของการเจรจาสันติภาพ ได้ผลลัพธ์ใดแล้วบ้าง ความชะงักงันเกิดขึ้นเพราะเหตุใด การปะทะกันจะเดินคู่ขนานไปกับการเจรจาอีกนานหรือไม่ ฯลฯ
ตอนแรกของรายงานพิเศษวิเคราะห์การเมืองสันติภาพของรัฐบาลพม่ากับกลุ่มชาติพันธุ์ 10 กลุ่มซึ่งเริ่มเจรจาหยุดยิงทั่วประเทศมาตั้งแต่ปี 2015
แม้จุดเริ่มต้นดี แต่การเจรจาสันติภาพต่อจากนั้นคือเนื้อหาสาระ ซึ่งตอนนี้หยุดชะงักลงหลัง ผบ.สส. กองทัพพม่าขอให้กลุ่มชาติพันธุ์เลิกคิดเรื่องแยกตัวออกจากสหภาพ รวมทั้งไม่รับแนวคิด "กองทัพสหพันธรัฐ" ของกลุ่มชาติพันธุ์
นอกจากนี้ยังน่าจับตาการปรากฏตัวของพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ FPNCC นำโดยกองทัพสหรัฐว้า UWSA ที่ยังไม่ได้ร่วมลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ แต่กลับเร่งขยายอำนาจทางทหาร สร้างอำนาจต่อรองคู่ขนานเวทีเจรจา
000
ศักราชใหม่แห่งสันติภาพของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาหรือพม่า อาจเริ่มนับได้จากการที่รัฐบาลพม่าลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (Nationwide Ceasefire Agreement-NCA) กับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ (Ethnic Armed Organizations-EAOs) เมื่อ 15 ตุลาคม 2015 ตามมาด้วยการเปลี่ยนผ่านหลังการเลือกตั้ง 8 พฤศจิกายน 2015 ที่นำไปสู่การมีรัฐบาลพลเรือนนำโดยพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) มาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2008 รัฐบาลพลเรือนต้องแบ่งอำนาจให้กองทัพด้วยโควตาที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภาทุกระดับและมีบทบาทสำคัญทั้งในทางการเมืองและความมั่นคงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ลงโฆษณากับประชาไท
ThisAble.me
การเจรจาหยุดยิงนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้น การเจรจาสันติภาพต่อจากนั้นต่างหากคือเนื้อหาสาระซึ่งยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าจะไปสู่สันติภาพที่แท้จริง น่าแปลกที่แม้จะมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นแล้วแต่กระบวนการเจรจาสันติภาพที่สานต่อมาจากรัฐบาลชุดเก่าที่นำโดยประธานาธิบดีเต็งเส่งกลับยังไม่มีความคืบหน้านัก ที่ผ่านมารัฐบาลพรรค NLD จัดประชุมสันติภาพปางโหลงแห่งศตวรรษที่ 21 มาแล้วถึง 3 ครั้งแต่ก็ยังไม่มีผลสัมฤทธิ์ ในทางปฏิบัติสถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า กองทัพพม่ายังคงเสริมความเข้มแข็งทางทหาร และยังคงมีการปะทะกันระหว่างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กับกองทัพรัฐบาลพม่า รวมทั้งมีการอพยพของผู้คนในดินแดนชาติพันธุ์
รายงานพิเศษชิ้นนี้จะสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า พัฒนาการของการเจรจาสันติภาพจนถึงปัจจุบันว่าเดินหน้าหรือถดถอยในจุดใดบ้าง รวมถึงผลกระทบในมิติต่างๆ ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวิถีชีวิตของประชากรตามแนวชายแดน
เราพูดคุยกับองค์กรประชาสังคมรวมทั้งกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ (EAOs) ที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนไทยและร่วมการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่า ได้แก่ รัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ กรณีของรัฐกะเรนนีที่มีพื้นที่ติดต่อกับ จ.แม่ฮ่องสอน นั้นจะใช้การประมวลและสรุปสถานการณ์จากข่าวสารที่ปรากฏ
จุดเริ่มต้นข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ และการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง
ตัวแทนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ 8 กลุ่ม และตัวแทนรัฐบาลพม่านำโดยประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก หลังพิธีลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) ที่เนปิดอว์ เมื่อ 15 ตุลาคม 2015 และในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 มีอีก 2 กลุ่มเข้าร่วม รวมเป็น 10 กลุ่ม (ที่มา: แฟ้มภาพ/The Global New Light of Myanmar, 16 October 2015)
พล.ท.เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (RCSS/SSA) ทั้งนี้กองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA เป็น 1 ใน 10 กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ NCA กับรัฐบาลพม่าในปี 2015 (แฟ้มภาพ/ประชาไท)
มูตู เซพอ ประธานสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ภาพถ่ายในปี 2013 ระหว่างงานรำลึกวันปฏิวัติกะเหรี่ยงครั้งที่ 64 ในพื้นที่ควบคุมของกองพลน้อยที่ 7 KNLA ทั้งนี้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เป็น 1 ใน 10 กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ลงนามหยุดยิง NCA (แฟ้มภาพ/ประชาไท)
แผนที่ประเทศพม่าแสดงพื้นที่รายอำเภอใน 14 ภาคและรัฐชาติพันธุ์ ที่มีการเคลื่อนไหวของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งที่เข้าร่วมลงนาม NCA และไม่ได้ลงนาม NCA โดยเป็นข้อมูลในปี 2016 (ที่มา: ดัดแปลงจาก The Asia Foundation. "The Contested Areas of Myanmar : Subnational Conflict, Aid and Development" October 2016, p.14.) (คลิกเพื่อรับชมภาพขยาย)
ย้อนกลับไปปี 2008 ในยุคสมัยรัฐบาลทหาร สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (SPDC) ที่ควบคุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จย่อมทำให้ผลการลงประชามติรัฐธรรมนูญในเดือนพฤษภาคม 2008 เป็นไปตามที่ผู้นำทหารคาดหมายออกแบบไว้ ในที่สุด กองทัพพม่าสามารถสืบทอดอำนาจผ่านโครงสร้างทางการเมืองต่างๆ และนำมาสู่การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2010 ได้รัฐบาลกึ่งทหารกึ่งพลเรือนนำโดยพรรคสหภาพเพื่อความสามัคคีและการพัฒนา (USDP) ที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลทหารพม่า
ภายหลังการสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของ เต็งเส่ง ซึ่งเป็นอดีตนายทหารในกองทัพพม่าเมื่อ 30 มีนาคม 2011 ก็มีการประกาศในเดือนสิงหาคม 2011 ว่าต้องการเจรจาสันติภาพกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศ
ผลจากกระบวนการสันติภาพระหว่างรัฐบาลพม่ากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์แบบทวิภาคีที่เริ่มต้นตั้งแต่ปลายปี 2011 นำมาสู่การริเริ่มเจรจาหยุดยิงทั่วประเทศ หรือ NCA ในวันที่ 15 ตุลาคม 2015 มีกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ 8 กลุ่มลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลพม่า ประกอบด้วย
1. สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union - KNU)
2. สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน (Restoration Council of Shan State/Shan State Army - RCSS/SSA)
3. แนวร่วมนักศึกษาพม่าทั้งมวลเพื่อประชาธิปไตย (All Burma Students’ Democratic Front - ABSDF)
4. กองทัพกะเหรี่ยงประชาธิปไตยผู้มีความเมตตา (Democratic Karen Benevolent Army -DKBA)
5. สภาสันติภาพแห่งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU/KNLA Peace Council หรือ KPC)
6. พรรคปลดปล่อยอาระกัน (Arakan Liberation Party -ALP)
7. องค์กรปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ (Pa-O National Liberation Organization - PNLO)
8. กองทัพแนวร่วมแห่งชาติชิน (Chin National Front -CNF)
ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 มีอีก 2 กลุ่มร่วมลงนาม คือ
9. สหภาพประชาธิปไตยลาหู่ (Lahu Democratic Union - LDU)
10. พรรครัฐมอญใหม่ (New Mon State Party - NMSP)
เปิดโรดแมปสันติภาพ เขาเจรจาอะไรกัน
ในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศกำหนด 7 ขั้นตอนโรดแมปทางการเมืองประกอบด้วย
1. ลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA)
2. ร่างและลงมติรับ "กรอบการเจรจาทางการเมือง" โดยผู้แทนรัฐบาลและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์
3. จัดการเจรจาทางการเมืองระดับประเทศ บนพื้นฐานของกรอบการเจรจาทางการเมืองและเจรจาในมาตรการด้านการบูรณาการด้านความมั่นคง (security reintegration) และภารกิจอื่นที่จำเป็น
4. จัดการประชุมสันติภาพในระดับสหภาพ (Union Peace Conference)
5. ลงนามในสนธิสัญญาสหภาพ (Pyidaungsu Accord)
6. เสนอสนธิสัญญาสหภาพเพื่อให้รัฐสภาแห่งสหภาพให้สัตยาบัน
7. นำผลทุกข้อจากสนธิสัญญาสหภาพมาปฏิบัติ รวมทั้งดำเนินการเรื่องบูรณาการด้านความมั่นคงให้เสร็จสมบูรณ์ [1]
ขั้นตอนหลังการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ มีการกำหนดหลักปฏิบัติทางการทหาร ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการหยุดยิง รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อสังเกตการณ์หยุดยิง และคณะกรรมการร่วมเพื่อการเจรจาสันติภาพระดับสหภาพ โดยมีการกำหนดกรอบการเจรจาทางการเมืองและการบูรณาการด้านความมั่นคงภายใน 90 วัน
ในประเด็นบูรณาการด้านความมั่นคงนี้เองที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน รัฐบาลพม่าเน้นว่าการบูรณาการด้านความมั่นคง คือการลดอาวุธ, การเลิกระดมพล และการบูรณาการ (Disarmament, Demobilization and Reintegration - DDR) ขณะที่กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ให้ความสำคัญกับเรื่องการปฏิรูปหน่วยงานด้านความมั่นคง (Security Sector Reform - SSR) ซึ่งมีปลายทางคือ "กองทัพสหพันธรัฐ" (federal army) ที่ประกอบด้วยกำลังพลของกลุ่มชาติพันธุ์ [2]
พันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC: กลุ่มที่ยังไม่เข้าร่วม NCA
การประชุม "ปางคำซัมมิท" ครั้งที่ 4 เมื่อเดือนเมษายน 2017 ที่เมืองปางคำหรือปางซาง โดยตัวแทนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่นำโดยกองทัพสหรัฐว้า UWSA เป็นจุดเริ่มต้นของพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC (ที่มา: แฟ้มภาพ/FPNCC)
กระบวนการเจรจาสันติภาพนั้นมีความสำคัญแต่ก็ยังไม่ใช่ภาพทั้งหมด การเมืองของพม่าสลับซับซ้อนกว่านั้น ยังมีกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ยังที่ไม่ได้เข้าร่วมลงนามหยุดยิงทั่วประเทศกลุ่มใหญ่ คือ คณะกรรมการเจรจาและปรึกษาทางการเมืองแห่งสหพันธรัฐ (Federal Political Negotiation Consultative Committee : FPNCC) หรือเรียกว่า พันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ซึ่งรวมตัวกันหลังการประชุม "ปางคำซัมมิท" ครั้งที่ 4 ระหว่าง 15-19 เมษายน 2017 ที่เมืองปางคำหรือปางซาง เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองของกลุ่มว้า โดยปัจจุบันประกอบด้วย 7 กลุ่มหลัก
1. กองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army - UWSA)
2. กองทัพสัมพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ-รัฐฉานตะวันออก (National Democratic Alliance Army- Eastern Shan State (NDAA-ESS) หรือกองทัพเมืองลา NDAA
3. แนวร่วมปลดปล่อยรัฐปะหล่อง/กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (Palaung State Liberation Front /Ta’ang National Liberation Army - PSLF/TNLA) หรือกองทัพตะอาง TNLA
4. พรรคเพื่อความจริงและความยุติธรรมแห่งชาติเมียนมา/กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Truth and Justice Party/Myanmar National Democratic Alliance Army - MNTJP/MNDAA) หรือกองทัพโกก้าง MNDAA
5. พรรครัฐฉานก้าวหน้า/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Progress Party/Shan State Army - SSPP/SSA) หรือกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA
6. องค์กรเพื่ออิสรภาพกะฉิ่น/กองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น (Kachin Independence Organization/ Kachin Independence Army - KIO/KIA) หรือกองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น KIA
7. สหสันนิบาตแห่งอาระกัน/กองทัพอาระกัน (United League of Arakan/Arakan Army - ULA/AA) หรือกองทัพอาระกัน ULA/AA
พันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ยังไม่ร่วมลงนามหยุดยิงทั่วประเทศขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มที่มีอำนาจต่อรองสูง แกนนำหลักคือกองทัพสหรัฐว้า UWSA ซึ่งมีกำลังพล 30,000 นาย นับว่ามีกำลังพลมากที่สุดในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า
โดยพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ถูกมองว่าได้รับการสนับสนุนจากจีน เห็นได้จากแถลงการณ์เมื่อเดือนมีนาคม 2018 ที่ย้ำว่าการเข้ามามีบทบาทของจีนในการเจรจาสันติภาพมีความสำคัญ รัฐบาลพม่าควรเชิญผู้แทนของพันธมิตรฝ่ายเหนือร่วมการประชุมปางโหลงครั้งที่ 3 แต่มีเงื่อนไขว่าต้องมีแผนรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้แทนที่จะเข้าร่วม โดยให้ทางการจีนเข้ามาดูแลเรื่องนี้ [3]
ที่ผ่านมารัฐบาลพม่าไม่รับรองสถานะของ 3 กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นสมาชิกพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC และยังสู้รบกับกองทัพพม่าอยู่ นั่นคือ กองทัพโกก้าง MNDAA กองทัพตะอาง TNLA และกองทัพอาระกัน ULA/AA อย่างไรก็ตามในการประชุมปางโหลงในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นการประชุมสันติภาพในระดับสหภาพ (Union Peace Conference) ตามโรดแมปนั้น ในการประชุมครั้งที่ 3 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018 ดูจะมีสัญญาณที่ดี เพราะนอกจากการเชิญผู้แทนพันธมิตรฝ่ายเหนือเข้าร่วมการประชุมแล้ว ยังมีการเจรจาห้องย่อยระหว่างรอง ผบ.สส.กองทัพพม่า พล.อ.โซวิน (Soe Win) กับผู้แทน 3 กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าวด้วย [4] โดยรายละเอียดการเมืองของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC สามารถอ่านได้ในล้อมกรอบ
กองกำลังกลุ่มย่อยที่ยังไม่ลงนามหยุดยิง NCA
นอกจากนี้ยังมีกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น พรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเรนนี (Karenni National Progressive Party – KNPP) เคลื่อนไหวในพื้นที่รัฐกะเรนนี ตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน โดยลงนามข้อตกลงหยุดยิง 2 ฝ่ายระดับรัฐบาลสหภาพตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2012 [5]
ต้องกล่าวไว้ด้วยว่า พรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเรนนี KNPP เป็นแกนนำในสภาสหพันธรัฐชาติสหภาพ (The United Nationalities Federal Council - UNFC) ซึ่งเป็นพันธมิตรของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ก่อตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2011 โดยมีสมาชิกร่วมก่อตั้ง 11 กลุ่ม อย่างไรก็ตาม สมาชิกสำคัญได้ทยอยถอนตัวออกไปแล้ว ได้แก่ สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ในปี 2014 [6] กองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น KIA กองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA กองทัพโกก้าง MNDAA กองทัพตะอาง TNLA [7] ซึ่งทั้ง 4 กลุ่มนี้ไปเข้าร่วมกับพันธมิตรฝ่ายเหนือ ส่วนพรรครัฐมอญใหม่ NMSP ก็หันไปลงนามหยุดยิงทั่วประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 [8]
ส่วนกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ขนาดเล็กที่ไม่ได้ร่วมลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ NCA อื่นๆ ก็เช่น องค์กรแห่งชาติว้า (Wa National Organiztion - WNO) ซึ่งลาออกจากสมาชิก UNFC ในปี 2017 นั้น มีรายงานด้วยว่าองค์กรแห่งชาติว้า WNO ถูกกดดันจากกองทัพสหรัฐว้า UWSA ไม่ให้ลงนามหยุดยิง NCA และมีข้อเสนอให้เข้ากับกองทัพสหรัฐว้า UWSA [9] สภาสังคมนิยมแห่งชาตินาคาแลนด์-คะปลัง (National Socialist Council of Nagaland-Khaplang - NSCN-K) [10] และองค์กรแห่งชาติกูกี (Kuki National Organization - KNO) [11]
เจรจาสันติภาพไปถึงขั้นไหน
หากดูขั้นตอนเจรจาสันติภาพที่แบ่งเป็น 7 ขั้นตอน ปัจจุบันรัฐบาลพม่าและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ 10 กลุ่มที่ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศนั้นอยู่ในขั้นตอนที่ 3-5 คือ เจรจาการเมืองระดับประเทศ ประชุมสันติภาพในระดับสหภาพ และลงนามในสนธิสัญญาสหภาพ
ในสมัยรัฐบาลพลเรือนพรรค NLD ที่มีประธานาธิบดีคือตินจ่อ (มีนาคม 2016 ถึง มีนาคม 2018) และวินมิ้น (มีนาคม 2018 ถึงปัจจุบัน) และอองซานซูจีเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐ มีการจัดประชุมสันติภาพระดับสหภาพ - ปางโหลงศตวรรษที่ 21 (The Union Peace Conference - 21st Century Panglong) ที่เนปิดอว์ ครั้งแรกจัดขึ้นเมื่อ 31 สิงหาคมถึง 4 กันยายน 2016 ครั้งที่สอง 24 ถึง 29 กรกฎาคม 2017 และครั้งที่สาม 11 ถึง 16 กรกฎาคม 2018
เจ้ากว๋ออัน (Zhao Guo An) ผู้แทนกิจการต่างประเทศ กองทัพสหรัฐว้า (UWSA) พบกับอองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ผู้นำคนสำคัญในรัฐบาลพม่า ระหว่างการประชุมสันติภาพปางโหลงศตวรรษที่ 21 ครั้งที่ 3 เมื่อ 12 กรกฎาคม 2018 (ที่มา: The Global New Light of Myanmar, 13 July 2018)
ความคืบหน้าของการประชุมปางโหลงศตวรรษที่ 21 ในครั้งต่างๆ สรุปได้ดังนี้
หลังการเจรจาครั้งแรก ในวันที่ 15 ตุลาคม 2016 รัฐบาลพม่าได้ประกาศสิ่งที่เรียกว่า "โรดแมป 7 ขั้นตอนเพื่อการปรองดองแห่งชาติและสันติภาพในสหภาพ" ออกมาเพิ่มเติม ประกอบด้วย
1. ทบทวนกรอบเจรจาทางการเมือง
2. แก้ไขกรอบเจรจาทางการเมือง
3. จัดการประชุมสันติภาพในระดับสหภาพ - ปางโหลงศตวรรษที่ 21 ให้สอดคล้องกับกรอบเจรจาทางการเมืองที่มีการแก้ไขและรับรอง
4. ลงนามในข้อตกลงระดับสหภาพ ข้อตกลงการประชุมปางโหลงศตวรรษที่ 21 ที่อยู่บนพื้นฐานของผลการประชุมปางโหลงศตวรรษที่ 21
5. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับข้อตกลงระดับสหภาพและรับรองรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข
6. จัดการเลือกตั้งทั่วไปแบบหลายพรรคการเมืองให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไข
7. สร้างสหภาพที่เป็นสหพันธรัฐที่เป็นไปตามผลการเลือกตั้งแบบหลายพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย [12]
การประชุมครั้งที่ 2 มีการลงนามในสนธิสัญญาสหภาพ (Pyidaungsu Accord) 37 ข้อตกลง มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ (1) ข้อตกลงด้านการเมือง หลักการพื้นฐานของสหพันธรัฐนิยม 12 ข้อ (2) นโยบายข้อตกลงด้านเศรษฐกิจ 11 ข้อ (3) ข้อตกลงด้านการพัฒนาภูมิภาค 4 ข้อ และ (4) ข้อตกลงด้านที่ดิน และธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม 10 ข้อ [13]
การประชุมครั้งที่ 3 มีการลงนามในสนธิสัญญาสหภาพ (Pyidaungsu Accord) 14 ข้อตกลง มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ (1) ประเด็นสังคม 7 ข้อตกลง (2) ประเด็นการเมือง 4 ข้อตกลง (3) ที่ดินและสิ่งแวดล้อม 2 ข้อตกลง และ (4) ประเด็นเศรษฐกิจ 1 ข้อตกลง [14]
การปะทะกันด้วยอาวุธในห้วงปี 2018
แม้จะอยู่ในช่วงลงนามหยุดยิงในระดับประเทศ NCA และอยู่ในขั้นตอนเจรจาสันติภาพมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ในทางตรงข้ามกองทัพพม่าเองก็ขยายกำลังทางทหาร รวมทั้งเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกทางการทหารเข้าไปในพื้นที่ของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย นำไปสู่การเผชิญหน้าและการปะทะทางทหารหลายครั้ง เฉพาะในปี 2018 มีกรณีเสริมกำลังทหารเพื่อฟื้นฟูถนนยุทธศาสตร์เชื่อมฐานทัพพม่า 2 แห่งในพื้นที่ปกครองของกองพลน้อยที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ที่เป็นภาคีหยุดยิง NCA จนปะทะกับทหารกะเหรี่ยง KNU ในเดือนมีนาคม-เมษายน
หรือกรณีที่กองทัพพม่าปะทะกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ทั้งในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือติดต่อกับรัฐกะฉิ่น กรณีกองทัพพม่าปะทะกับกองทัพตะอาง TNLA และพันธมิตรคือกองทัพกะฉิ่น KIA และกองทัพอาระกัน ULA/AA รวมทั้งกรณีที่กองทัพพม่าปะทะกับกองทัพอาระกัน ULA/AA ที่เริ่มส่งกำลังเข้าไปเคลื่อนไหวบริเวณชายแดนรัฐชินและรัฐยะไข่
นอกจากนี้ยังเกิดกรณีปะทะกันที่เป็นความขัดแย้งข้ามกลุ่มชาติพันธุ์ (inter-ethnic conflict) ที่เห็นเด่นชัดคือ กองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ที่เป็นกลุ่มที่ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ NCA กับรัฐบาลพม่า ได้ปะทะกับกองทัพตะอาง TNLA ในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือมาตั้งแต่ปี 2015
และในปี 2018 กองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ก็ร่วมกับกองทัพตะอาง TNLA ต่อสู้กับกองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA โดยมีการปะทะต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2018 จนล่วงเข้าสู่ปี 2019
ขณะเดียวกันองค์กรปลดปล่อยแห่งชาติปะโอ PNLO ที่เป็นกลุ่มที่ลงนามหยุดยิง NCA ก็ปะทะกับกองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ในช่วงกลางเดือนตุลาคม
สถาบันเมียนมาเพื่อสันติภาพและความมั่นคง (Myanmar Institute for Peace and Security - MIPS) ระบุว่าเฉพาะเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายนปี 2018 มีเหตุปะทะกันด้วยอาวุธทั่วประเทศ 518 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ เป็นกรณีกองทัพกะฉิ่น KIO/KIA ที่ยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ NCA ปะทะกับกองทัพพม่า 245 ครั้ง สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ซึ่งลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ NCA ปะทะกับกองทัพพม่า 57 ครั้ง โดยการปะทะเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นในจังหวัดมูตรอ รัฐกะเหรี่ยง พื้นที่ของกองพลน้อยที่ 5 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU นอกจากนี้ยังมีการปะทะกันระหว่างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยกันเองอย่างน้อย 83 ครั้ง [15]
สถานการณ์ซ้ำยังเลวร้ายลงไปอีกเมื่อกองทัพพม่ากวาดล้างชุมชนมุสลิมโรฮิงญาในเดือนสิงหาคมปี 2017 จนมีผู้อพยพมากกว่า 8 แสนคนที่ชายแดนบังกลาเทศ
เจรจาชะงักหลังคุยไม่ตกประเด็นความมั่นคง
พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสูดของกองทัพพม่า ผู้คัดค้าน "สิทธิแยกตัว" ออกจากสหภาพของรัฐชาติพันธุ์ รวมทั้งยืนยันว่าพม่าจะต้องเป็น "กองทัพเดียว" ส่งผลทำให้ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2018 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และกองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพชั่วคราว (ที่มา: แฟ้มภาพ/The Global New Light of Myanmar, 28 March 2015)
เมื่อพิจารณาผลจากการประชุมสันติภาพที่จัดขึ้นหลายครั้งในหลายระดับแล้ว แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็คือ ยังไม่มีการหยิบยกประเด็นด้านความมั่นคงขึ้นมาหารือ
ประเด็นการบูรณาการด้านความมั่นคงยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลพม่า/กองทัพพม่าเห็นไม่ตรงกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ โดยรัฐบาลพม่าเน้นว่าปลายทางของการบูรณาการด้านความมั่นคงต้องนำไปสู่การมีกองทัพเดียว (single army) ขณะที่กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์เห็นว่าต้องเป็น "กองทัพสหพันธรัฐ" (federal army) ที่ประกอบด้วยกำลังพลของกลุ่มชาติพันธุ์
ความต่างในสาระสำคัญนั้นทำให้การเจรจาไปต่อลำบาก แต่ก็มีความพยายามผลักดันให้เดินหน้าต่อไปด้วย "การประชุมสุดยอดด้านสันติภาพ" ที่จัดขึ้น 3 วัน เมื่อ 8 ถึง 10 ตุลาคม 2018 ที่เนปิดอว์ แต่แล้ว พล.อ.อาวุโส มินอ่องหล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่าก็ได้คัดค้าน "สิทธิแยกตัว" ออกจากสหภาพของบรรดารัฐกลุ่มชาติพันธุ์ โดยยกมาตรา 10 ของรัฐธรรมนูญปี 2008 ฉบับที่ร่างในสมัยรัฐบาลทหารพม่าที่ระบุว่า ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของดินแดนที่ประกอบขึ้นเป็นสหภาพสามารถแยกตัวออกจากสหภาพได้ รวมทั้งย้ำว่ารูปแบบกองทัพต้องเป็น "กองทัพเดียว" ขณะที่อองซานซูจีกล่าวในทำนองว่ารัฐบาลให้สัญญาไว้หลายครั้งแล้วว่าจะดำเนินการตามหลักการประชาธิปไตยและรูปแบบสหพันธรัฐในแบบที่ชนกลุ่มน้อยเรียกร้องไว้ [16]
ผลของการยืนยันโดยดังกล่าวทำให้สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และกองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ประกาศถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่าเป็นทางการชั่วคราว เหลือเพียงช่องทางหารืออย่างไม่เป็นทางการ ในกรณีของกองทัพรัฐฉานพวกเขายังระบุด้วยว่า หากไม่มีการปรึกษาหารือกับประชาชนในรัฐฉาน พวกเขาจะไม่ยอมยกเลิกสิทธิในการแยกตัวออกจากสหภาพพม่า
นับเป็นการระงับการเจรจาสันติภาพชั่วคราวของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์หลักที่ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ NCA ทำให้กองทัพพม่าต้องหาทางผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศเป็นเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2018 ครอบคลุมพื้นที่ 5 บก.กองทัพภาค ได้แก่ บก.กองทัพภาคเหนือ รัฐกะฉิ่น บก.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บก.ภาคตะวันออก บก.ภาคตะวันออกกลาง และ บก.ภาคสามเหลี่ยม ในรัฐฉาน เพื่อเปิดทางให้ศูนย์ปรองดองแห่งชาติและการสันติภาพ (National Reconciliation and Peace Center - NRPC) หน่วยงานที่ตั้งโดยประธานาธิบดีพม่า เข้าเจรจาสันติภาพกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ของ บก.กองทัพภาคดังกล่าว [17] โดยเฉพาะ 3 กองกำลังที่เป็นสมาชิกพันธมิตรฝ่ายเหนือที่สู้รบอยู่กับกองทัพพม่า ได้แก่ กองทัพโกก้าง MNDAA กองทัพตะอาง TNLA และกองทัพอาระกัน ULA/AA
นอกจากนี้ยังเปิดทาง หากพันธมิตรฝ่ายเหนือทั้ง 7 กลุ่มจะเข้าร่วมเจรจาสันติภาพและลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ เพื่อหวังให้มีผลถ่วงดุลและลดน้ำหนักต่อรองของภาคีเจรจา NCA ปัจจุบันที่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU และกองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA มีบทบาทสำคัญ และเพิ่งประกาศถอนตัวจากเวทีเจรจาชั่วคราว
แต่ก่อนจะครบกำหนด 4 เดือนการประกาศหยุดยิงฝ่ายเดียวของกองทัพพม่าในปลายเดือนเมษายน 2019 สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ โดยล่าสุด พลจัตวาตาโพนจ่อแห่งกองทัพตะอาง TNLA ในนามโฆษกกลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือ ก็ให้สัมภาษณ์สื่อพม่าเมื่อ 28 ธันวาคม 2018 เรียกร้องให้กองทัพพม่าหยุดยิงในพื้นที่รัฐยะไข่ ที่เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกองทัพอาระกัน ULA/AA ด้วย มิเช่นนั้นจะไม่ยึดถือการเจรจาหยุดยิงที่กองทัพพม่าประกาศ [18]
ความชะงักงันของกระบวนการสันติภาพที่ยังพอเรียกได้ว่าก้าวหน้า
ผศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความเห็นต่อกระบวนการสันติภาพในพม่าหรือเมียนมาว่า ในทางทฤษฎีการจัดการแก้ไขความขัดแย้งแบ่งออกเป็น 3 ขั้นคร่าวๆ ได้แก่ 1. การบริหารควบคุมความขัดแย้ง (conflict management) 2. การจัดการแก้ปัญหาความขัดแย้ง (conflict settlement) 3. การคลี่คลายระงับความขัดแย้ง (conflict resolution)
จากความขัดแย้งสู่การหาทางจัดการผ่านโต๊ะเจรจา
ขณะนี้นับว่าพม่ามีพัฒนาการที่มากกว่าขั้นตอน conflict management และก้าวไปสู่ conflict settlement มากขึ้น ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทหาร หรือช่วงก่อนการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ในขั้นตอนที่1 กลยุทธ์ที่ใช้กันบ่อยครั้งในประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองในพม่าก็คือ การเจรจาหยุดยิง กำหนดกรอบควบคุมพฤติกรรมไม่ให้คู่ขัดแย้งทำให้สงครามปะทุ ส่วนในขั้นตอนที่ 2 องค์ประกอบสำคัญคือการเจรจาทางการเมือง (political dialogue) การแลกเปลี่ยนถกเถียงพูดคุยกัน วางโรดแมปต่างๆ ซึ่งพม่าอยู่ในขั้นตอนนี้ การเมืองสันติภาพก็ถูกทำให้เป็นสถาบัน มีกลไกต่างๆ มากมาย มีลู่วิ่งเป็นขั้นเป็นตอน สิ่งที่อยู่ในจุดยอดสุดนั่นคือข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) และมีการจัดประชุมสันติภาพระดับสหภาพ หรือการประชุมปางโหลงศตวรรษที่ 21
ส่วนขั้นตอนที่ 3 นั้นยังไปไม่ถึง นั่นคือ การระงับความขัดแย้งอย่างยั่งยืน ตีไปที่ฐานราก เช่น เรื่องความคับข้องใจของกลุ่มชาติพันธุ์ว่ามีความคับข้องใจต่อคนกลุ่มใหญ่ยังไง จะแก้ไขยังไง เพราะถ้าพูดถึงการเมืองการปกครองจริงๆ ก็คือ การผลักดันรูปแบบรัฐไปสู่ "สหพันธรัฐแบบประชาธิปไตย" หรือ “Democratic Federation” นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การสถาปนาสหพันธรัฐประชาธิปไตยสำหรับรัฐที่เผชิญสงครามกลางเมืองมายาวนานย่อมมีการปะทะหนักหน่วง มีการเมืองแบบตีโต้เป็นธรรมดา แม้เปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดก่อนที่นำโดยเต็งเส่งแล้วพบว่ารัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) มีความชะงักงันหลายๆ อย่าง โดยความชะงักงันที่ต่อยอดมาจากความก้าวหน้าของรัฐบาลก่อนหน้าเป็น loss cost หรือ ต้นทุนการสูญเสียทั่วไปในรัฐที่แตกแยกอย่างลึกซึ้งและมีสงครามกลางเมืองด้วย
ต่อกรณีการปรากฏตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ในนามพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC ซึ่งยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ NCA นั้น ดุลยภาคเสนอว่า แม้แต่พันธมิตรฝ่ายเหนือจะเริ่มมาจากความไม่พอใจที่ทหารพม่าตัดถนนผ่านพื้นที่และเข้าบีบคั้นกลุ่มของเขาในทางยุทธศาสตร์อย่างรุนแรง รวมทั้งกดดันให้วางอาวุธ แต่พันธมิตรชาติพันธุ์กลุ่มนี้ก็ตอบโต้ด้วยการจับค่ายรวมกลุ่มพันธมิตรยุทธศาสตร์ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอควร ขณะเดียวกันกลุ่มของเขาก็มีอำนาจต่อรองในการเมืองสันติภาพมากขึ้นโดยปริยาย
โดยในที่สุด แม้จะเล่นเกมปะทุสงคราม (war escalation) แต่ FPNCC ก็ต้องก้าวเข้ามาเจรจาการเมืองสันติภาพที่ถูกทำให้เป็นสถาบัน (institutionalized peace politics) มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องใส่ใจกับวาระการประชุม กระบวนการประชุมและแผนโรดแมปสันติภาพร่วมกับรัฐบาลและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ มากขึ้น ดังนั้น แม้จะมีการแข่งขันอำนาจในมุมการเมืองแบบสัจนิยม แต่การเมืองแบบนี้ก็ถูกลากดึงให้เข้ามาอยู่ใน track ของการเมืองสันติภาพแบบเป็นทางการได้ นี่คือจุดเด่นอย่างหนึ่งของการเจรจาสันติภาพในรัฐที่ผ่านสงครามกลางเมืองมายาวนานแบบพม่า
กองทัพชาติพันธุ์ภายใต้สหพันธรัฐ : สิ่งที่ยังไม่เห็นตัวแบบระดับโลก
ส่วนประเด็น DDR หรือการปลดอาวุธ การคืนสู่กองทัพ การทำให้กลุ่มติดอาวุธวางอาวุธหรือกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เป็นเรื่องยากกับประเทศที่มีกองทัพมากมาย ไม่เหมือนประเทศที่มีตัวแสดงหลักที่ครอบคลุมคู่ขัดแย้งเพียงไม่กี่คู่ แต่เมื่อเทียบกับการที่ขั้นตอนกระบวนการสันติภาพในพม่าที่ถูกทำให้เป็นสถาบันไปแล้ว ก็ถือได้ว่าได้มีความก้าวหน้าและข้ามขั้นที่ 1 ไปแล้ว
ในเรื่องของการบูรณาการด้านความมั่นคง (security integration) ที่ให้ความสำคัญต่างกันทั้งกองทัพพม่าและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์นั้น ดุลยภาคเสนอว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นการตีความ การนิยามความหมาย และระบบคิดที่แตกต่างกัน สำหรับกองทัพพม่าอยากให้มีกองทัพเดียว (single army) โดยเห็นว่าพื้นฐานสำคัญที่สุดคือการรวมเป็นหนึ่ง (unification) ต้องไม่ลืมว่าหลักสำคัญแห่งชาติ 3 ประการในสมัยรัฐบาลทหารพม่าก็คือ ไม่ให้สหภาพต้องแตกแยก ต้องไม่ทำให้ความสามัคคีในชาติแยกสลาย ทำให้อธิปไตยมั่นคงถาวร (Non-disintegration of the Union, Non-disintegration of national unity, Perpetuation of national sovereignty) ซึ่งยังคงดำรงอยู่อย่างเหนียวแน่นในนโยบายทางการเมืองความมั่นคงของรัฐเมียนมา
ในประเด็นเรื่องกองทัพเดียว กองทัพพม่าเคยเสนอให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์เข้ามาอยู่ในรูปแบบกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ซึ่งอยู่ภายใต้การฝึกและการบังคับบัญชาจากกองทัพพม่า อย่างไรก็ตาม กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งที่ลงนามหยุดยิง NCA และที่ไม่ได้ลงนามหยุดยิง NCA ก็ยังไม่ยอมเข้าสู่ระบบบัญชาการเช่นนี้ ทั้งกรณีกองทัพสหรัฐว้า UWSA หรือสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน/กองทัพรัฐฉาน RCSS/SSA ฯลฯ โดยกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ยังมีข้อเสนอเรื่องกองทัพของสหพันธรัฐ (Federal Army) อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดเชิงลึก คำอธิบายในทางทฤษฎีว่ารูปร่างหน้าตาของกองทัพสหพันธรัฐจะเป็นอย่างไร ยังไม่มีกลุ่มไหนอธิบายได้ แม้แต่กองทัพสหรัฐว้า UWSA ก็ยังไม่ชัดเจนกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มชาติพันธุ์พูดถึงกองทัพของสหพันธรัฐ กองทัพพม่านั้นปฏิเสธเลย เพราะไม่ต้องการกองทัพที่แตกต่างหลากหลาย ในตัวแบบทั่วโลกเองผู้นำกองทัพพม่ามักอ้างอยู่บ่อยครั้งว่าแทบไม่เคยเห็นรัฐที่ใช้กองทัพแบบสหพันธรัฐเลย อย่างสหรัฐอเมริกาหรืออินเดียก็ไม่มีระบบนี้ แต่หากมี บางประเทศก็ขอมีแค่กองตำรวจประจำรัฐเท่านั้น ซึ่งเรื่องกองทัพสหพันธรัฐเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
000
เรื่องราวของพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCC
เมื่อกล่าวถึงกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ที่ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) แล้ว อีกกลุ่มที่ยังไม่ได้ลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ แต่มีอำนาจต่อรองทางการเมืองที่น่าจับตานั่นคือ คณะกรรมการเจรจาและปรึกษาทางการเมืองแห่งสหพันธรัฐ (Federal Political Negotiation Consultative Committee : FPNCC) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีเรียกกันว่ากลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือ (northern alliance) ที่ประกอบด้วยกองทัพชาติพันธุ์ราว 4 กลุ่ม เช่น KIA และ AA แต่ต่อมาได้ขยายออกไปเป็น 7 กลุ่มกองกำลังภายใต้ชื่อ FPNCC ที่นำโดยกองทัพสหรัฐว้า หรือ UWSA (หากแต่ผู้เฝ้าติดตามการเมืองความมั่นคงเมียนมา มักเรียกชื่อกลุ่ม FPNCC ว่าเป็นพวกพันธมิตรฝ่ายเหนือสลับกันอยู่ต่อไป) กลุ่ม FPNCC ที่มีรากมาจากพันธมิตรฝ่ายเหนือ ประกอบด้วย
1. กองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army - UWSA) มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ที่เมืองปางคำหรือปางซาง รัฐฉานตอนเหนือ ติดชายแดนจีน-พม่า โดยมีกำลังรบอยู่บริเวณชายแดนรัฐฉาน-พม่า 3 กองพล และเคลื่อนไหวอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า 5 กองพล
2. กองทัพสัมพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ-รัฐฉานตะวันออก (National Democratic Alliance Army- Eastern Shan State (NDAA-ESS) หรือกองทัพเมืองลา NDAA อยู่ทางตอนเหนือของเชียงตุงติดกับชายแดนจีน-พม่า
3. แนวร่วมปลดปล่อยรัฐปะหล่อง/กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (Palaung State Liberation Front /Ta’ang National Liberation Army - PSLF/TNLA) หรือกองทัพตะอาง TNLA เคลื่อนไหวในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ
4. พรรคเพื่อความจริงและความยุติธรรมแห่งชาติเมียนมา/กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (Myanmar National Truth and Justice Party/Myanmar National Democratic Alliance Army - MNTJP/MNDAA) หรือกองทัพโกก้าง
5. พรรครัฐฉานก้าวหน้า/กองทัพรัฐฉาน (Shan State Progress Party/Shan State Army - SSPP/SSA) หรือกองทัพรัฐฉานเหนือ SSPP/SSA มีฐานที่มั่นอยู่ที่บ้านไฮ อำเภอเกซี ตอนกลางของรัฐฉาน
6. องค์กรเพื่ออิสรภาพกะฉิ่น/กองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น (Kachin Independence Organization/ Kachin Independence Army - KIO/KIA) เคลื่อนไหวอยู่ในรัฐกะฉิ่นและรัฐฉานตอนเหนือ โดยมีฐานที่มั่นใหญ่อยู่ที่เมืองไลซา (Laiza) ติดกับชายแดนจีน
7. สหสันนิบาตแห่งอาระกัน/กองทัพอาระกัน (United League of Arakan/Arakan Army - ULA/AA) มีค่ายฝึกอยู่ในพื้นที่องค์กรแห่งอิสรภาพกะฉิ่น (KIA) ต่อมาเข้าไปเคลื่อนไหวบริเวณชายแดนรัฐยะไข่ติดต่อกับรัฐชิน
ทั้งกองทัพสหรัฐว้า UWSA กองทัพเมืองลา NDAA และกองทัพโกก้าง MNDAA เคยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์พม่า (Communist Party of Burma - CPB) ก่อนที่จะแยกตัวออกมาตั้งกองกำลังในปี 1989 โดยลงนามหยุดยิง 2 ฝ่ายกับรัฐบาลทหารพม่าและยังไม่เข้าร่วมข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ
สมาชิกในกลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือหลายกลุ่มเคยลงนามหยุดยิง 2 ฝ่ายกับรัฐบาลทหารพม่า ต่อมาเกิดขัดแย้งและปะทะกับกองทัพพม่าเนื่องจากไม่ยอมเปลี่ยนสถานะจากกลุ่มหยุดยิงไปเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (Border Guard Force - BGF) และกองกำลังรักษาดินแดน (Home Guard Force - HGF) ก่อนเส้นตายการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนปี 2010
กองทัพโกก้างลงนามหยุดยิง 2 ฝ่ายปี 1989 ปะทะกับกองทัพพม่าในเดือนสิงหาคมปี 2009 โดยกองทัพโกก้าง MNDAA สูญเสียพื้นที่ยุทธศาสตร์และเมืองสำคัญคือเหลากายให้กองทัพพม่า ขณะที่ต้นปี 2015 กองทัพโกก้างได้รวบรวมกำลังใหม่และพยายามโจมตีกองทัพพม่าเพื่อยึดพื้นที่สำคัญคืนแต่ไม่สำเร็จ [19]
พรรครัฐฉานก้าวหน้า/กองทัพรัฐฉาน SSPP/SSA ลงนามหยุดยิง 2 ฝ่ายในปี 1989 ต่อมาปลายเดือนเมษายนปี 2010 กองพลน้อยที่ 3 และ 7 ยอมเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังรักษาดินแดน ยกเว้นกองพลน้อยที่ 1 ฐานที่มั่นบ้านไฮ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนสถานะ ทำให้กองทัพพม่ากดดันและปะทะกับกองพลน้อยที่ 1 กองทัพรัฐฉานในเดือนมีนาคมปี 2011 และลงนามข้อตกลงหยุดยิง 2 ฝ่ายรอบใหม่ในระดับรัฐฉาน เมื่อเดือนมกราคม 2012 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นยังคงมีการปะทะกันหลายระลอก และแม้จะมีการเจรจากับตัวแทนรัฐบาลพม่าหลายครั้งแต่ยังไม่มีข้อตกลงหยุดยิงในระดับรัฐบาลสหภาพ [20]
กองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น KIO/KIA เคยลงนามหยุดยิง 2 ฝ่ายกับกองทัพพม่าตั้งแต่ปี 1994 ต่อมาเกิดปะทะรอบล่าสุดตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2011 มาจนถึงปัจจุบัน หลังจากกองทัพแห่งอิสรภาพกะฉิ่น KIO/KIA ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนสถานะเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนและคัดค้านการสร้างเขื่อนมิตซงซึ่งจะทำให้เกิดน้ำท่วมสูงในพื้นที่ยึดครองของกองทัพกะฉิ่น KIO/KIA ทั้งนี้มีความพยายามเจรจาหยุดยิงหลายรอบแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ [21]
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 กองกำลังที่เป็นสมาชิกกลุ่ม FPNCC ที่ยังคงสู้รบกับกองทัพพม่า ได้แก่ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง PSLF/TNLAก่อตั้งในเดือนตุลาคมปี 2009 และได้รับการฝึกอาวุธโดยกองทัพกะฉิ่น KIO/KIA โดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง เคลื่อนไหวในรัฐฉานตอนเหนือและปะทะกับกองทัพพม่าตั้งแต่ปี 2012 [22], [23]
อีกกลุ่มหนึ่งคือกองทัพอาระกัน ULA/AA ที่ก่อตั้งในปี 2009 เป็นภาพแทนของคนรุ่นใหม่ชาวยะไข่ที่แกนนำหลายคนเคยร่วมประท้วงราคาเชื้อเพลิงในย่างกุ้งเมื่อปี 2007 นอกจากนี้หลายคนเข้าร่วมกับกองทัพอาระกัน ULA/AA ที่ก่อตั้งใหม่ เพราะไม่พอใจสภาพการนำของพรรคปลดปล่อยอาระกัน ALP ซึ่งเคลื่อนไหวที่รัฐกะเหรี่ยง ชายแดนไทย-พม่า ทั้งนี้กองทัพอาระกันULA/AA ได้รับการฝึกจากกองทัพกะฉิ่น KIO/KIA และยังมีการรับสมัครชาวยะไข่ที่อพยพมาเป็นแรงงานเหมืองหยกในรัฐกะฉิ่นเข้าร่วมเป็นนักรบด้วย ในปี 2012 กองทัพอาระกัน ULA/AA ร่วมรบกับพันธมิตรฝ่ายเหนือ คือ กองทัพกะฉิ่น KIO/KIA กองทัพโกก้าง MNDAA และกองทัพตะอาง PSLF/TNLA ในพื้นที่รัฐฉานตอนเหนือ และในปี 2015 กองทัพอาระกัน เริ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่รัฐชินและรัฐยะไข่ [24]
อ้างอิง
[1] THE NATIONWIDE CEASEFIRE AGREEMENT BETWEEN THE GOVERNMENT OF THE REPUBLIC OF THE UNION OF MYANMAR AND THE ETHNIC ARMED ORGANIZATIONS [15 October 2015], UN Peacemaker, 15 October 2015
[2] Myanmar’s Nationwide Ceasefire Agreement, BACKGROUNDER, Institute for Security and Development Policy, October 2015
[3] Released Statement of the 2nd meeting of the Permanent Committee of the FPNCC, FPNCC, 28 March 2018
[4] Controversy, progress at the third Panglong conference, Frontier Myanmar, 16 July 2018
[5] KNPP, Myanmar Peace Monitor
[6] Why Did the KNU Withdraw From the UNFC?, The Irrawaddy, 3 September 2014
[7] UNFC, Myanmar Peace Monitor
[8] NMSP chair wants to resign from UNFC and play a part as affiliate organization, Mon News Agency/BNI, September 3, 2018
[9] Wa National Organization Draft Resignation from UNFC is Leaked, The Irrawaddy, 8 May 2017
[10] NSCN-K, Myanmar Peace Monitor
[11] KUKI, Myanmar Peace Monitor
[12] Union Peace Conference - 21st Century Panglong, Wikipedia
[13] 37 POINTS SIGNED AS PART OF PYIDAUNGSU ACCORD, State Counsellor Office, 30 May 2017
[14] Controversy, progress at the third Panglong conference, Frontier Myanmar, 16 July 2018
[15] Myanmar’s Ethnic Armed Conflict in 2018: Unabated protracted war and heightened inter-ethnic armed confrontation, BNI/Shan Herald Agency for News 14 December 2018
[16] Military Chief Says National Peace Deal Must Guarantee 'Non-Separation', The Irrawaddy, 15 October 2018
[17] Tatmadaw Announces Four-Month Ceasefire in North, Northeast, The Irrawady, 21 December 2018
[18] Northern Alliance Demands Ceasefire Covers Rakhine State, The Irrawaddy, 28 December 2018
[19] MNDAA, Myanmar Peace Monitor
[20] SSPP, Myanmar Peace Monitor
[21] KIO, Myanmar Peace Monitor
[22] PSLF, Myanmar Peace Monitor
[23] "A Return to War: Militarized Conflicts in Northern Shan State.", Institute for Security and Development Policy, May 2018
[24] Institute for Security and Development Policy, Ibid.
เกี่ยวกับภาพปก: กองทัพพม่าสวนสนามเนื่องในวันกองทัพพม่า 27 มีนาคม 2016 ที่กรุงเนปิดอว์ (ที่มา: แฟ้มภาพ/The Global New Light of Myanmar, 28 March 2016)
ข่าว
ต่างประเทศความมั่นคง
กองทัพพม่าพม่าการปฏิรูปในพม่าการเจรจาสันติภาพNCAข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศพันธมิตรฝ่ายเหนือ FPNCCกองทัพรัฐฉานสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงกองทัพสหรัฐว้าUWSARCSS/SSAKNUUNFCกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนไทย-พม่ารัฐฉานรัฐกะฉิ่นรัฐกะเหรี่ยง
✕
เท่าไรก็ได้ การสนับสนุนจากคุณ คือการร่วมสร้างและรักษาสื่อเสรี ‘ประชาไท’ ... ร่วมสนับสนุนเรา
โอนเงิน พร้อมเพย์ PromptPay "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน" 0993000060423
โอนเงิน PayPal คลิกที่นี่ https://paypal.me/prachatai (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)
ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai
ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai
LINE ไอดี = @prachatai
printer-friendly version
แสดงความคิดเห็น
ประชาสัมพันธ์ Classifieds & ปฏิทินกิจกรรม
(
Last edited by ปาปียอง (January 9, 2019 10:55 PM)
Online